Saturday, November 19, 2011

และแล้วเราก็มาถึง!!!

โอ้ละหนอใครกันบอกว่าสาวๆ ที่นี้สวย
...ใครกันหนอเล่าลือนัก ว่าเมืองงามน่าเที่ยว
แล้วใครอีกเล่า...เล่าไว้ซะดูดี

ยามนี้ได้มาประสบพบเจอ ณ ฮานอย ประเทศเวียดนามด้วยตนเองแล้ว
แม่เจ้า!!! รถขับกัน ขนาดว่านั่งแท็กซี่มา แค่มองดูรถมอเตอร์ไซต์วิ่งกันให้ว่อนก็เวียนหัวจนแทบจะอ้วกกันอยู่แล้ว อยากจะบอกว่ามั่วแบบสุดๆ จริงๆ อ่ะ (เพื่อนๆ คนไหนเคยไปขับรถที่ภูเก็ตแล้วคิดว่ามันมั่วแล้ว ต้องมาเจอที่นี่...ภูเก็ตยอมแพ้แอ๊ะ)

ย้อนกลับไปสักหน่อย ก่อนมาถึงเวียดนาม...ก็ต้องมีการเช็คอิน ณ เคาท์เตอร์ของสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ซะหน่อย
เหตุการณ์ ณ เคาท์เตอร์เช็คอิน (สุวรรณภูมิ) เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด "น้องจะกลับวันไหนคะ"
เอ๊ะ กลับวันไหน? เอาแล้วไง ทางมหาลัยที่ให้มาเรียนก็ติดต่อ ส่งตั๋วให้มาเรียนอย่างเดียวเสียด้วย ไม่ได้บอกว่าจะต้องกลับเมื่อไร และเสร็จคอร์สวันไหน (ฮ่าๆๆๆ มันก็ยังจะกล้าไปเรียนกับเขาอีกเน๊อะ) ว่าแล้วคุณพี่พนักงานก็จัดการโทรตามหัวหน้ามาสอบถามข้อมูล และให้พวกเราสองคนไปปริ้นเอกสารได้รับทุนจากทางมหาวิทยาลัยออกมาพกติดตัวไว้กันเหนียวว่าทางด่านของเวียดนามเขาจะไม่ให้เข้าประเทศ แถมคุณหัวหน้ามีขู่ว่า "ถ้าเขาไม่ให้เข้า พวกหนูต้องซื้อตั๋วขากลับนะคะ ราคาตั๋ว 15,000 นะคะ มีเงินกันอยู่เท่าไรคะเนี่ย"

แหมมมมมมมมมมมมมมม
โดนเหน็บไปแบบนั้น แต่ก็ยังขึ้นเครื่องมาจนได้ ไม่ได้มาเฉยๆ นะ...มาด้วยความหวาดเสียว ตื่นเต้น และลุ้นระทึกเหลือเกินว่าด่านเวียดนามจะให้เข้าประเทศหรือเปล่า
แต่พอลงเครื่องปุ๊บ เอาพาสพอร์ตให้เจ้าหน้าที่ดู...พี่แกก็ไม่ได้ว่า ไม่ได้สอบถามอะไร ปั้มพาสพอร์ตให้ แล้วสองหน่อก็ไปเอากระเป๋า
ปัญหามันเกิดตอนเอากระเป๋าเสร็จจะออกจากสนามบินเนี่ยแหละ เพราะเครื่องลงมาเร็วกว่ากำหนดเวลา...สงสัยว่ากัปตันจะซิ่งไปหน่อย  "หาคนมารับไม่เจอ" จ๊ะงานนี้
นั่งรออยู่นานสองนาน คุณเพื่อนเห็นป้ายแจกแผนที่ฟรี (free map) ก็เลยเดินไปขอ ... เอ่อ เวียดนามไม่มีแผนที่แบบภาษาอังกฤษเหรอฟะ เอาแผนที่ภาษาเวียดนามให้ พวกช้านจะดูกันรู้เรื่องหม้ายห๊าาาา!!!

ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ก็มองเห็นป้ายชื่อของมหาวิทยาลัย (เย้ มีคนมารับแล้ว T^T)
อยากจะบอกว่าจากสนามบิน No Bai มายังเมืองฮานอย และที่พักใกล้มหาวิทยาลัยเนี่ย "ไกลได้อีก!!!"
ด้วยความที่ระยะทางค่อนข้างจะไกล (มาก) คุณคนขับรถแท็กซี่เขาเลยเปิดเพลงให้ฟัง...เอ่อ เพลงเวียดนามพวกหนูฟังไม่ออกหรอกค่ะ แต่คำบางคำมันออกเสียงคล้ายๆ กันในภาษาไทย ทีนี้เวลาฟังไปในหัวก็อัตโนมัติค่ะ เอาเทียบเสียงตัวโน้นทีตัวนั้นที จนฟังดูแล้วเป็นเพลงเหมือนพวกเพลงใต้ดิน แต่งล้อเลียน ฮามาก (อิอิ)
หลังจากเพลิดเพลินกับการผันเพลงในหัวเล่นๆ อยู่สักพักใหญ่ๆ ...พวกเราก็ได้เดินทางมาถึงส่วนที่ (คิดว่า) เรียกว่า "ตัวเมือง" ของฮานอย ที่เต็มไปด้วยบรรดารถจักรยายนต์ และเสียงบีบแตรอยู่แทบจะตลอดเวลา (ตอนนี้ก็ยังบีบกันไม่หวาดไม่ไหว จะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย)

ห้องพักชั่วคราวที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้ก็ถือว่าโอเคดีในระดับหนึ่ง แต่ว่า...จะเล่นเน็ตต้องเล่นหน้าห้อง!!!
แล้วค่ำๆ มืดๆ (มืดเร็วมากอ่ะ เวลาประมาณห้าโมงครึ่งตอนเย็นก็มืดตึ๊บละ) ใครเขาจะไปนั่งเล่นหน้าห้องกันละคะคู๊ณณณณณณ =.=
แน่นอนว่าด้วยความสงสัยว่า "จริงหรือที่ในห้องต่อไม่ติด?" และมันก็ต่อไม่ติดจริงๆ ด้วยแหละค่ะ ^^
จะว่าไม่ติดก็ไม่ใช่นะ มันมีติดเป็นพาสเวิร์ด เศร้ายิ่งนัก T^T

อาหารเย็นวันนี้ ทานข้าวคดห่อที่คุณแม่แพ็คใส่กระเป๋ามาให้ค่ะ
เป็นไก่ทอดกับซี่โครงหมูทอด คุณแม่คิดเผื่อไว้แล้ว ใส่ช้อนในข้าวมาให้ด้วย (น่ารักจริงๆ เลย ^_^)
อันที่จริงก็อยากจะลองกินอาหารที่ขายอยู่บริเวณใกล้ๆ นี้แหละนะคะ แต่ว่าดูหน้าตาอาหารแล้วค่อนข้างที่จะมันได้ที่ (เพื่อนว่าเหมือนเอาน้ำมันหมูมาทำอาหารเลย)
สถานที่ที่ไปสำรวจก่อนสิ่งอื่นใดเลยวันนี้ก็คือ "ซุปเปอร์มาเก็ต" ค่ะ ซึ่งมีของพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้อย่างสบู่ น้ำ ขนม ไข่ ปลากระป๋อง ฯลฯ อะไรที่ทานได้แบบไม่ผิดแผกแปลกเกินไปมีครบหมด อ่อ...มีหม้อหุงข้าวด้วยแหละ

จริงๆ อยากถ่ายรูปให้ดูนะคะ แต่สถาพมันค่อนข้างจะดูวุ่นวาย และออกจะอนาถนัก (ฉันเริ่มคิดถึงประเทศไทยที่รักทันทีเลยทีเดียวเมื่อมาถึงละแวกสถานที่พักเนี่ย)
ถ้าหากให้อยู่แบบไม่คิดอะไรมาก ก็คาดว่าอยู่ได้แหละค่ะ แต่อาจจะไม่น่าพิศมัยเหมือนบ้านเรานัก เรียกได้ว่าถ้าเทียบกันแล้ว ประเทศไทยดูสวยงามและน่าอยู่กว่ากันค่อนข้างมากเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่าแหละนะ บ้านเมืองเขากำลังอยู่ใน "ช่วงพัฒนา" ...ดูๆ ไปเสียดายบริการ 3G 4G ที่ทางเวียดนามมีจริงๆ เลย (น่าเอาไปให้บ้านเราแทนอ๊ะ)

ส่วนภารกิจในวันพรุ่งนี้ ต้องเข้าไปหา Alain (ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไรกับฮานอย แต่กับคุณ Alain เรียกได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่น่ารักมากค่ะ อัธยาศัยดี และค่อนข้างที่จะกลัวว่าพวกเราจะหลง หรือไม่สะดวกเหมือนอยู่ประเทศไทยค่อนข้างมากเลยทีเดียว) ตอนประมาณเก้าโมง เพื่อทำความรู้จักกับสาวลาวที่จะมาขอแชร์ค่าห้อง ซึ่งห้องก็จะไปหาดูพรุ่งนี้เหมือนกันค่ะ แล้วก็ติดต่อทำบัญชีเงินฝากสำหรับทุนที่ทางมหาวิทยาลัยจะโอนให้ในสิ้นเดือนด้วย อีกเรื่องคงเป็นเรื่องวีซ่าที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยอีกครั้งนึงด้วย (อย่าให้ถูกส่งกลับนะ...ถ้าถูกส่งกลับ สงสัยจะไม่มาแล้วแหละ ฮ่าๆๆๆ)

ปล.ไว้พรุ่งนี้จะมารีวิวสภาพความเป็นอยู่ของห้องถาวรที่จะต้องอยู่จนเรียนภาษาจนจบ (หรืออาจจะอยู่จนเรียนจบ) ว่าจะดีหรือจะร้ายได้ขนาดไหนกันนะ ^^

No comments:

Post a Comment