Wednesday, February 29, 2012

ระยะทาง กับ ความรู้สึก



จะบอกอีกทีว่าฉันรักเธอ
จะบอกให้ฟังว่าฉันค้นเจอ
ความหมายของการมีชีวิตอยู่
ก็รู้จากเธอไม่ใช่ใคร

จะบอกอีกทีถ้าไม่เชื่อกัน
จะบอกอีกทีว่าความสำคัญ
เธอนั้นเป็นที่หนึ่ง เหนือผู้ใด
และไม่มีใครนอกจากเธอ

อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา
อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร
เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจที่ฉันให้เธอได้ไหม

ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน

ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ

จับผิดระแวงกันทุกวี่วัน
นั่นมันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์
มันเริ่มที่จะจืดจางหายไป
แค่ไว้ใจกันได้ไหมเธอ

อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา
อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร
เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจที่ฉันให้เธอได้ไหม

ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน

ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ

ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน

ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ



การรักใครสักคน...การยึดติดกับใครสักคน...มันต่างกันแค่พลิกฝ่ามือนิดเดียว
การที่เรารัก และอยากให้คนที่รักมีความสุข....มันก็จะทำให้เขามีความสุข
การที่เรายึดติดกับเขา และคิดไปเองว่านั่นคือรัก...มันจะทำให้เขาเป็นทุกข์

...เคยคิดว่าระยะทาง...จะช่วยให้รักคนคนนั้นน้อยลง
...แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับมากขึ้นๆ...
...และยังดูไม่มีวี่แววว่าจะลดลง...

หากต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้...คุณจะทำยังไง?
จะมีก็ไม่ได้...แต่จะตัดไปก็แสนเจ็บในใจเหลือเกิน
อีกทั้งยิ่งห่าง...ก็ยิ่งไม่แน่ใจ...ที่เขาบอกกับที่เขาทำมันจะตรงกันหรือเปล่า
...ระแวง...หวง...หึง...ไม่เชื่อใจ...แล้วแต่ทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกไม่ดี

แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้...
ตัดออกไปจากใจไม่ได้...
ทำได้แค่..."คิดถึง"..."เป็นห่วง"..."หวังดี"...เท่านี้แหละนะ

Monday, February 27, 2012

แต่ละวันเมื่อก่อนมันช่าง...งมงาย



เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้
ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน

เธออยู่ที่ใดยังรักกันไหม ฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือฉันนั้นยังไม่เปลี่ยนใจ
ยังอยู่ตรงนี้ถึงแม้จะเหงาและเดียวดาย

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม

เมื่อเธอมีทางชีวิตไม่เหมือนฉัน ฉันห้ามไม่ได้
แต่ฉันจะมีชีวิตเพื่อรอเธอ แม้วันสุดท้าย

เกิดมาได้เจอคนที่ตามหามานานแสนนาน ทำให้รู้ว่าเธอมีค่ามากแค่ไหน
จะอยู่ตรงนี้ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เหลือใคร

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม

จะรอแค่เธอถึงแม้ใครหาว่างมงาย
ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่านานเท่าไรยังมีเพียงเธอ (ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันมีเธอคนเดียวในหัวใจ)
ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรักเธอ


เมื่อก่อนนั้น...แต่ละวันมันช่างงมงาย
ช่างเดียวดายและมองไม่เห็นค่าตัวเอง
มัวแต่รั้ง แต่รอ...ให้ใครสักคนนึงมารัก มาใส่ใจตัวเรา...
...แต่ตัวเราเองกลับลืมคนที่เขารักและเป็นห่วงเรามากที่สุด..."พ่อ" "แม่"

จนถึงวันนี้...
ได้เข้าใจ และรับรู้แล้วว่าพวกท่านรักเราเสมอ
เป็นห่วงเราตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลแค่ไหน
ท่านอาจจะบ่น จะดุ จะว่าเราบ้าง...แต่นั่นก็เพราะท่านเป็นห่วง
...และหวังดีกับเราเสมอ...

อบอุ่นในหัวใจทุกครั้งที่ได้รู้ว่า...อย่างน้อยก็มีคนสองคนที่รักเรา
...คนสองคนที่เป็นห่วงเรา...
...คนสองคนที่หาแต่สิ่งดีๆ ให้เรา โดยไม่เคยหยุด แม้จะเหนื่อยแค่ไหน...
...คนสองคนที่ไม่ได้ต้องการให้เรารักท่านตอบ...
...แค่ท่านได้รักเรา ได้เป็นห่วง ได้ดูแล ได้เลือกสิ่งดีๆ ให้กับเรา...
...แค่นั้นท่านก็สุขใจแล้ว...

ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมา
แม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ค่อยใส่ใจเท่าที่ควร
แต่อยากให้รู้ไว้ว่า..."รักเสมอ" เหมือนกัน ^v^

Saturday, February 25, 2012

อากาศแบบนี้...น่านอนจริงๆเรยยย

ใกล้จะหมดหน้าหนาวในต่างเมืองเสียทีแล้ว...แต่ทางประเทศไทยก็คงจะร้อนอยู่เหมือนเดิมในทุกๆ วัน (ตอนร้อนก็อยากเย็น พอเจอเย็นๆ ก็อยากจะร้อนเน๊อะคนเรา)

อากาศช่วงนี้โดยรวมอยู่ที่ 20 องศา มีฝนตกบ้างเป็นบางวัน (ฝนแบบโปรยๆ น่ะนะ ไม่ได้เทลงมาอย่างกับฟ้ารั่วเหมือนบ้านเรา) แต่ก็ยังมองหาแสงแดดสาดส่องเพื่อใช้ในการตากผ้าไม่ได้เหมือนเดิม...จะสร้างพัดลมกับราวตากผ้ามันก็ดีอยู่หรอก แต่ใช้แค่แป๊ปๆ เอง เลยไม่อยากจะซื้อเสียเท่าไร ตากๆ ไป อาศัยอากาศวันที่มีความชื้นต่ำๆ และลมดีๆ เสียหน่อยแล้วกันนะ

โดยปกติแล้วเวลาที่เราตากผ้าเนี่ย เราจะตากกัน"หลังห้อง" เพราะมี "ระเบียง" กันใช่ไหมเอ่ย...แต่ ณ จุดๆ นี้ที่ฮานอย...ห้องไม่มี "ระเบียง" หลังห้อง มีแต่ทางเดินหน้าห้องอย่างเดียว งานนี้ตากผ้าก็ต้องเอาไปตากที่หน้าห้องสินะ -0-  แต่ก็อย่างว่า "อย่าได้แคร์" เพราะมันก็ไม่เข้าใจเราพูด เราก็ไม่เข้าใจมันพูดเหมือนกัน (ฮ่าๆๆๆ)

เอ๊ะ ตอนแรกว่ากันถึงอากาศนี่นะ
คนไทยมักจะอยากไปเที่ยวเมืองหนาวกัน หากแต่เป็นการไปเที่ยวมันก็คงจะดีอยู่หรอก แต่ให้มาอยู่ในเมืองที่หนาวๆ นี่ ยอมรับว่า "ไม่ค่อยไหว" และรู้สึกได้เลยว่าจะมีความรู้สึกไวกับอากาศหรืออะไรที่มันเย็นๆ ได้เร็วกว่าเมื่อก่อน....ที่ว่ารู้สึกได้เร็วน่ะคือ ขนลุก นะ แบบมันเย็นแว๊บมาเลยจริงๆ หลายคนอาจจะหาว่าเวอร์ไป แต่ถ้าลองมาพบเจอกับตัวเองแล้วจะเข้าใจว่าไม่ได้เวอร์จริงๆ นะเนี่ย

ตอนนี้ก็ปิดบล็อคภาษาฝรั่งเศสไปแล้ว
ส่วนนึงคือด้วยความขี้เกียจล่ะนะ...แล้วอากาศก็ไม่ชวนให้ทำกิจกรรมอื่นๆ นอกจากการนอนเสียด้วย (ฮ่าๆๆ) อีกอย่าง แค่ท่องศัพท์กับกริยาก็มึนได้ถ้วยกันเลยทีเดียวเชียว

นานๆ ทีก็จะเข้ามาอัพ มาบ่น มาพิมพ์อะไรเถือกนี้ลงในบล็อค...ซึ่งเรียกได้ว่า "ไร้สาระ" ที่สุด

เอาน่ะ...ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในเวลาว่างที่แสนจะเอื่อยเฉื่อยของแต่ละวัน
จะว่าไปแล้วหากนั่งนับวัน...ขนาดเดือนที่สั้นที่สุด แต่อยู่ในสถานที่ที่น่าเบื่อที่สุด มันก็กลายเป็นเดือนที่แสนจะยาวนานได้เหมือนกันนะเนี่ย (เวลาจริงแค่เดือนเดียว แต่ในความรู้สึกเหมือนมันไม่ยอมหมดเดือนเสียที) ขณะที่ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากวันเสาร์-อาทิตย์...สองวันนี้ก็มาไว และไปไวดีแท้ๆ T^T

ตอนนี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดคงเป็นการ "กินไก่เป็นตัวๆ"
ไม่ได้จะเป็นตัวอะไรที่ลากไก่ลงน้ำหรอกนะ...เพียงแค่ว่า "แม่ง มีแต่ผัก" จริงๆ นะ
ทานข้าวแต่ละที ตักมางี้มีแต่ "ผัก"
คนเคยกินเนื้อทีละเยอะๆ อยู่ตลอด พอไม่ได้กินแล้วฟันมันคมๆ จริงๆ เรยเชียว

....โอย หิวละ ออกไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า...

Friday, February 3, 2012

หากย้อนเวลากลับไป....

...วันนี้ขอทำตัวเหมือนคนแก่เสียหน่อย...
...หากมองย้อนเวลากลับไป (จริงๆ ไปเปิดเจอบันทึกช่วงที่ส่งเอกสารและรอผลว่าจะได้มาเรียนต่อไหมนั่นแหละ) ณ ตอนนั้น...."ดีใจมาก" ที่ได้มีโอกาสจะได้เรียนทุนที่ไม่ต้องมีการใช้ทุน แถมยังได้ภาษาเป็นการเพิ่มเติมด้วย แต่ ณ ตอนนี้..."คิดผิดไหมนะ" ที่พาตัวเองมาเรียนที่นี่??

จริงๆ แล้วตัวเรานั้นอยากเรียน "บัญชี" แต่ทำไมมาเรียนด้าน "เน็ตเวิร์ค" เสียได้ล่ะ??
...ตอนแรกคิดว่า "ดี" เพราะได้เนื้อหาด้านคอม แถมได้เพิ่มภาษาฝรั่งเศสด้วย
แต่ตอนนี้รู้สึก "ไม่ดี" เพราะเมื่อหันกลับไปดูพ่อแม่แล้ว...แทนที่เราเรียนจบมา จะทำงานช่วยเหลือท่านได้ กลับทำได้แค่เรียน เรียน เรียน อย่างเดียว (เรียนตั้งแต่ 8.30-17.00 อยากจะหางานทำก็ไม่มีเวลา) แรกๆ ก็คิดว่า "ทำงานผ่านเน็ต" น่าจะได้แหละนะ...แต่เจอสภาพความเร็วอินเตอร์เน็ตแบบนี้สงสัยจะไม่ไหว หาความแน่นอนไม่ได้เสียด้วย...แล้วก็ตัดสินใจตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด แต่ความรู้สึกส่วนหนึ่งในใจลึกๆ ไม่ค่อยอยากเรียนแล้วเนี่ยสิ....น่าจะเป็นเพราะสภาพอากาศที่แตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอน ทำให้การทำกิจกรรมอะไรต่างๆ ดูยุ่งยากกว่า เลย "เบื่อ" ที่จะอยู่เสียล่ะมั้ง

ก่อนกลับมาเรียนต่อหลังจากเทศกาลเต็ต..."ตกเครื่องบิน"
...เป็นหนที่สองที่ตกยานพาหนะขนส่ง...(ครั้งแรกตกรถทัวร์กลับบ้าน จำได้เลยว่าเสียใจมาก รู้สึกแย่...แบบว่าใจมันกลับบ้านไปแล้ว) แต่หนนี้...ในใจลึกๆ คิดนะว่า "ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากจะกลับมาเลย"

หากแค่เพียงได้ยินเสียงพ่อแม่ที่คอยเป็นห่วง และหวังว่าเราจะเรียนได้จบ..."อืม เวลาอีกแค่สามปีมันดูจะนานก็จริง แต่ทุกปีก็ได้กลับไปหาท่านนี่นะ ต้องทำให้ดีที่สุด และจบให้ได้ตามกำหนดเวลา...อย่าให้มีผิดพลาดจนต้องทดเวลาเพิ่มไปอีกเด็ดขาด"

เมื่อบอกกับตัวเองได้อย่างนั้นแล้ว...ก็ดูตนเองจะมีความสุขกับการเรียนและการใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย และมีความสุขกับความตั้งใจมากขึ้น เมื่อเพื่อนบอกข่าวการสอบ DELF A2 และ DELF B1 ในอีกสองและสามเดือนข้างหน้า...เมื่อสอบเสร็จก็จะได้พัก กลับบ้าน!!!

ทีนี้การสอบก็มี "ผ่าน" กับ "ไม่ผ่าน"...
...ถ้าผ่านก็เข้าเรียนคอร์สมาสเตอร์ได้...
...หากไม่ผ่าน ก็ต้องเรียนภาษาซ้ำอีกปี...(นึกแล้วสยอง ไม่อยากจะซ้ำ ไม่อยากเพิ่มเวลาในการอยู่ห่างบ้านเลยจริงๆ)

...เมื่อคิดได้แล้วก็จะตั้งใจเรียน...อย่างพอดี (อิอิ)
เพราะก่อนหน้านี้...รู้ตัวเองว่าเคร่งเครียดกับการเรียนเกินไป คิดแต่ว่า "อยากกลับ" "เบื่อ" "ไม่อยากอยู่แล้ว" มันเลยทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันดู "น่าเบื่อ" และ "เคร่งเครียด" จนถึงกับ "ไม่มีความสุข"

...หากตกอยู่สภาวการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง หรือหลบหนีได้แล้วนั้น การเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างปราศจากความเครียด และความทุกข์ จักทำให้ชีวิตในแต่ละวันของคุณน่าอยู่ขึ้นอีกนิดนึง...