Sunday, November 4, 2012

ตกลงว่า...ความรักมันคืออะไรกัน?

..."ใจอยากบอกรักแต่มันไม่กล้า"...
อาการของคนแอบรัก เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงเป็นกัน
แล้วในทางกลับกัน...หากคุณเป็นคนโดนรักก่อนล่ะ? คุณจะรู้สึกได้ไหมว่าคุณรักคนๆ นี้จริงหรือเปล่า?

...แต่ก่อนเคยคิดว่าตัวเองเข้าใจดี ว่าที่จริงแล้ว "ความรัก" คืออะไร...
แต่เมื่อถึงตอนนี้...ที่ไม่ใช่ตัวเราที่เป็นคนไปรักคนอื่นเขาก่อน...
แต่เป็นตัวเราเอง...ที่มีคนมารัก มาชอบ...

คำถามแรกเลยที่เกิดขึ้นมาในหัว
"แม่ง กูมีอะไรให้ชอบวะ?"
...หน้าตาก็ไม่สวย หุ่นก็ไม่ดี แต่งตัวก็ไม่เป็น...
...บ้านก็ไม่ได้รวย ไอโฟน แมคบุคก็ไม่มีใช้กับเขาเสียหน่อย...
...เทคแคร์เหรอ? ไม่ใช่คนที่เราไปชอบเขาก่อน แทบจะเป็นพระอิฐพระปูนใส่...
...แล้วทำไมเขามาบอกว่าเขาชอบเราล่ะ เรามันมีอะไรดีตรงไหนกันนะ?...
(ตอนที่เขียนอยู่นี่ ก็ยังมายืนดูว่าเราทำอะไร...ดีไป เขาอ่านไม่ออก อิอิ)

เพื่อนๆ ก็บอก ก็ให้คำแนะนำ และตั้งคำถามใส่เราตลอดว่า
..."แน่ใจจริงๆ เหรอคนนี้?"...

อยากจะตอบไปตรงๆ เหมือนกันนะ...
"ลึกๆ ในใจก็ไม่ค่อยแน่ใจ และยังมึนๆ งงๆ เหมือนติดสตั๊น dota อยู่เลย"
...แต่เวลาที่อยู่ใกล้เขา...
เราเป็นตัวของเราเอง ไม่ต้องคอยเก๊ก ทำหน้าทำตาทำท่าทางให้มันดูดี
ไม่ต้องคิดมากว่าไอ้ที่พูดออกไป (ฝรั่งเศส) เขาจะคิดว่าไม่ดีหรือเปล่า?
มีปัญหาอะไรก็คุย ก็ปรึกษากับเขาได้...แอ๊ะ ตกลงว่า "เราโอเคกับเขา" ใช่หรือเปล่านะ?

ก็เคยรักมาหลายต่อหลายครั้ง...
ทุกๆ ครั้งที่รัก...
เราก็รัก และสนใจแค่ทีละคน...
แต่ก็ไม่เคยคิดหรอกนะว่าคนที่เราไปชอบเขาก่อนน่ะ เขาจะรู้สึกยังไง
จนตอนนี้...เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจแหะ (ฮ่าๆๆ)

จบไว้เท่านี้ก่อนดีกว่า...ไม่รู้มีอะไร มานั่งดูอยู่ข้างๆ
(เข้าใจหรือยังไงกันนะนั่น? อิอิ ^-^)

Wednesday, September 5, 2012

วันนี้คุณบอกรัก "คนที่คุณรัก" และ "คนที่รักคุณ" แล้วหรือยัง?



อยู่กับความชินชา ปล่อยให้วันเวลา ค่อยค่อยผ่าน ผ่าน ผ่าน พ้นไป
ตราบที่ยังมีเธอ เมื่อหันไปยังเจอ ทุกทุกอย่างก็ยังมั่นใจ
คำว่ารัก สักคำ ก็เก็บไว้เรื่อยมา รอเวลาพูดไป
วันพรุ่งนี้ หรือสักวันหนึ่งข้างหน้ายังมีเวลามากมาย

แต่ว่าบางคำลา มันก็เดินทางมา ทั้งที่ไม่ได้เตรียมหัวใจ
หลับตาลงเบาเบา เพียงแค่เราลืมตา ทุกทุกอย่างก็จางหายไป
ไม่ว่ารอยยิ้มเดิม อ้อมกอด หรือคืนวัน กลายเป็นควันง่ายดาย
วันพรุ่งนี้ ไม่เคยมี และไม่เคยมา ไม่ว่าเมื่อใด

กอดเธอเบาเบาแล้วพูดบางคำ ก็คงจะทำไม่ได้
ให้รู้ว่าฉันรักเธอมากมายแค่ไหน ฮู...
แค่เธอรอฟังฉันพูดบางคำ ฉันทำให้มันสายไป
คิดว่าพูดเมื่อไรก็ทันอยู่ดี เพิ่งรู้วันนี้ ว่าบางที...พรุ่งนี้ไม่มีจริง

อยากกุมมือเธอมา อยากให้เธอมองตา ซุกในกอดอุ่นอุ่นหัวใจ
บอกกับเธอซ้ำซ้ำ บอกทุกทุกถ้อยคำ ทุกนาทีที่ผ่านพ้นไป
อยู่กับเธอให้นาน เท่านาน ไม่ยอมมีวันที่ห่างร้างไกล
แต่พรุ่งนี้ ไม่เคยมี และไม่เคยมา ไม่ว่าเมื่อใด

กอดเธอเบาเบาแล้วพูดบางคำ ก็คงจะทำไม่ได้
ให้รู้ว่าฉันรักเธอมากมายแค่ไหน ฮู...
แค่เธอรอฟังฉันพูดบางคำ ฉันทำให้มันสายไป
คิดว่าพูดเมื่อไรก็ทันอยู่ดี เพิ่งรู้วันนี้ ว่าบางที...
เศษความทรงจำสัก เสี้ยวเวลา ก็เอาคืนมาไม่ได้
รักให้มากเท่าไร ไม่ทันอยู่ดี เพิ่งรู้วันนี้ ว่าบางที...พรุ่งนี้ไม่มีจริง

หยิบเอามาเพ้อกันเสียหน่อยกับเพลงใหม่ล่าสุดของปาน
เป็นเอ็มวีที่ทำให้นึกถึงคนที่เรารักและคนที่รักเราได้มากทีเดียว

ดูจบแล้ว...ใครที่ยังเหลือคนที่รักเรา ก็อย่าลืมบอกรักเขาบ้าง
เพราะว่า...
"ถ้าหากรักนี้ ไม่บอกไม่พูดไม่กล่าว...แล้วเขาจะรู้ว่ารักหรือเปล่า?"
...นอกจากจะพูดจะกล่าวกันแล้ว ที่อยากให้ทำที่สุดคือ "แสดงออก" ให้เห็นถึงความรักที่เรามีให้ หรือคำขอบคุณที่เราอยากบอกเขา ไม่ว่าจะเป็นการทำตัวเป็นลูกที่ดี เป็นคนรักที่ดี...

การแสดงออกถึงความรัก ความเอาใจใส่ มันไม่ได้สำคัญที่จะต้องมาพร้อมวันสำคัญหรืองานเทศกาลต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมากับของขวัญราคาเป็นหมื่นเป็นแสน...
...เพียงแค่กลับบ้าน แล้วกอดและหอม มันคงไม่ยากเกินไป...

...หากยังมีวันนี้...ก็จงทำมันเสียวันนี้...
...อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยผ่านไป...
...เพราะบางที พรุ่งนี้อาจจะไม่มีอยู่ก็ได้...

ลดน้ำหนักกันเถอะ!!

เคยสังเกตไหมว่าคนที่ทักเราทุกทีว่าอ้วนเนี่ย...มักจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่คอยเชียร์ให้เรากินเยอะๆ (ตกลงจะให้กินหรือไม่ให้กินกันแน่นิ)

ปัญหาส่วนใหญ่ของหนุ่มสาวชาวไทยในสมัยนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องๆ เงินๆ ทองๆ หรือสามีเราแต่ภริยาคนอื่นแล้วเนี่ย ก็หนีไปไม่พ้นเรื่อง "อ้วน"

ทำไมถึงอ้วน??
เริ่มแรกเลย ดูว่าในแต่ละวันเรากินอะไรไปบ้าง แล้วเราทำกิจกรรมอะไรไปบ้าง เช่นถ้าวันๆ นึงคุณไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งออฟฟิศ รับโทรศัพท์ พิมพ์งาน เดินเอกสารเล็กๆ น้อยๆ แต่กลับกินดีอยู่ดี เช้าก็ปาท่องโก๋จิ้มนมข้นกับกาแฟใส่นมสักแก้ว มื้อเที่ยงก็จัดใหญ่เป็นสุกี้ ซูชิ พิซซ่า ฯลฯ ก่อนจะตกเยนก็มีของว่างยามบ่ายไว้แก้เหงาปากอีกสักหน่อย แน่นอนว่าพอเย็นก็มีจัดอีกชุดหนึ่ง แล้วกว่าจะกลับถึงบ้านก็มืด ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย...หากเรื่องแบบนี้กำลังเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคุณล่ะก็ ไม่ต้องห่วง ปล่อยเอาไว้สักพัก "อ้วน" แน่นอน

แล้วจะทำอย่างไรถึงไม่ให้อ้วน?
บางคนอาจจะใช้วิธีออกกำลังกายบ่อยๆ...อันนี้เห็นด้วยว่าทำให้สุขภาพดี แต่ถาจะลดอ้วนด้วยวิธีนี้ คุณจะต้องออกกำลังกายทุกวัน ห้ามขาด เพราะถ้าขาด...หน้าคุณก็จะกลับมาบวมเหมือนเดิมทันที

อีกวิธีที่น่าสนใจนั่นคือ "ปรับพฤติกรรมการกิน"
ว่าป๊ปก็ขอนำเสนอคลิปวิดีโอของรายการ Good Shape Save Cost @ SpokeDark.tv กันเสียหน่อย (ไม่ค่อยจะขี้เกียจเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ)

ใครไม่เห็นด้วยอันนี้เราไม่รู้นะ
แต่ก่อนหน้าที่จะเจอรายการนี้....ย้อนไปสักสองปีก่อนได้ละ
เราลดน้ำหนักสำเร็จด้วยการคุมอาหารแบบไม่ได้ตั้งใจ
เหตุมาจากอยู่กับน้องสาวที่บ้าน แล้วคุณแม่ก็มักจะว่าเราตลอดว่ากินเยอะ ทำไมไม่กินให้เหมือนน้องบ้าง...คนอะไรกินข้าวเท่าแมวดม มันจะไปอยู่ได้เร้อ? แต่เราก็ตัดสินใจกินแบบน้อง ระยะเวลาตอนนั้นแค่เดือนเดียว น้ำหนักเราลดลงไปได้ 8 กิโล (มันยอดมากเลยจอร์จ)

แต่การลดน้ำหนักแบบคุมอาหารเนี่ย...บอกจากใจจริงๆ ว่าไม่เหมาะกับคนที่ทำงานแล้วต้องใช้แรงตลอดเวลา เพราะว่าพลังงานที่ได้รับเข้าไปมันน้อย พลังงานที่จะเอาไปใช้ออกแรงทำงานก็น้อยตามไปด้วย อย่างตอนนี้...ไร้ซึ่งพละกำลังกายในการนวดไหล่ให้คุณพ่อคุณแม่ เหตุก็เพราะกินน้อยเนี่ยแหละ เพราะงั้น...ห้ามออกกำลังกายหักโหมด้วย (ในกรณีที่คุณตัดสินใจคุมอาหารอย่างฮาร์ดคอร์แบบคุณจอห์นเขาน่ะจ๊ะ)

ปล.เริ่มต้นลดน้ำหนักจริงจังเมื่อวันที่ 1 เดือนนี้...ไว้เรามาดูกันว่าสิ้นเดือนจะลดกันไปได้กี่กิโล
ปล2. การเริ่มต้นควรเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไม่อย่างนั้นตัวคุณก็จะผลัดวันไปเรื่องๆ แล้วเมื่อไรกันล่ะทีคุณจะก้าวไปถึงความสำเร็จที่รอคุณอยู่ :D

Tuesday, September 4, 2012

Linux Mint กับ Windows

รอดมาได้แล้วววววววว กับ Linux Mint (Mate) ในวันนี้
กว่าจะติดตั้งได้ถูกต้อง ไฉไล แบบไม่กระทบพี่กระทบน้องกับ Windows 7 ที่ลงไว้ก่อนแล้วเนี่ย...เล่นเอางงใช้ได้เลยทีเดียวเชียว

เอาล่ะ อยากรู้ไหมว่าทำยังไง?
ถ้าอยากรู้ก็อ่านต่อนะจ๊ะ :D

เริ่มด้วยสิ่งที่ต้องมีอย่างแรกเลยคือ "พื้นที่ว่างในฮาร์ดดิส"
เมื่อมีพื้นที่แล้ว เราก็จัดการแบ่งมันด้วย MiniTool Partition Wizard Home Edition (ไม่แน่ใจว่าต้อง create ไหมนะ แต่ส่วนตัวเราไม่ได้สร้างไดร์ฟใหม่แต่อย่างใด)
เสร็จแล้วเราก็ไปทำการดาวน์โหลดไฟล์ Linux Mint ในเวอร์ชั่นที่ต้องการมา (ณ จุดจุดนี้ใช้ Mint 13 Maya (Mate) จ๊ะ)
ดาวน์โหลดเรียบร้อยก็เบิร์นลงแผ่นกันเลย หรือจะติดตั้งผ่าน usb โดยใช้ UNetbootin ช่วยในการทำ boot usb ก็ได้นะจ๊ะ
เสร็จแล้วก็รีสตาร์ทเครื่องคอม บูทแผ่น หรือ usb ที่มี Mint น้อยๆ ไว้
ขั้นตอนการลงอย่างละเอียดสามารถติดตามได้ที่ how to: ติดตั้ง linux ด้วยตนเอง แต่ที่เราติดน่ะ จะมีแตกต่างกันหน่อยตรงนี้


จากในรูปจะเห็นว่าเลือกอันสุดท้าย....แต่เราเลือกอันแรก ซึ่งมันก็เวิร์ค ทำงานได้ดี และไม่มีปัญหาไดร์ฟเวอร์หายด้วย :D

หลักๆ ก็เท่านี้แหละ...(ไม่ค่อยจะขี้เกียจเล้ยยยยย ลิงค์ไปบล็อกคนอื่นที่เขาทำไว้แล้วซะงั้นเลยนะ ฮ่าๆๆๆ)

เกือบลืมไป

อ่านก่อน

หลังจากที่ติดตั้งแล้ว ก่อนรีสตาร์ทเครื่องให้พิมพ์คำสั่งนี้ใน terminal ด้วยนะจ๊ะ


sudo mount /dev/sdXY /mnt
sudo grub-install --root-directory=/mnt/ /dev/sdX


(อย่าบ้าจี้ใส่ XY ตามล่ะ ตัว X คือตัวอักษร และตัว Y คือตัวเลข อย่างเช่น 


ในภาพจะเห็นไดร์ฟที่มี File System เป็น ext4 นั่นคือพื้นทีที่เราทำการติดตั้งลินุกซ์ลงไป จะได้เป็น

sudo mount /dev/sda7 /mnt
sudo grub-install --root-directory=/mnt/ /dev/sda

อาจจะมี error อะไรขึ้นมาแต่ไม่ต้องสนใจ...มันทำงานได้ปกติ

แล้วทีนี้ก็สงสัยละสิว่าทำทำไม? ไม่ทำได้หรือเปล่า?
เพราะเจอมาเองกับตัว...คือพอรีสตาร์ทแล้ว grub หายจ๊ะ บูทไม่ขึ้น
ทีนี้ก็เลยแก้มันเสียก่อนจะบูทเครื่องใหม่เสียเลย


และหลังจากติดตั้ง เหมือนเดิม เราก็ทำตามแบบนี้

เป็นอันจบพิธี อิอิ
นอนดีกว่า ขอราตรีสวัสด์ ขอให้หลับฝันดีกันนะจ๊ะ

ไดอารี่...เหรอ?

ไดอารี่...ความหมายโดยตรงแล้วก็คือ "บันทึกประจำวัน"

...แรกๆ ก็เข้าใจว่าเป็นอะไรที่เราจะต้องจด ต้องขีด ต้องเขียนมันทุกวันล่ะนะ...
...แน่นอนว่ามีความพยายามหลายต่อหลายครั้งในการจะเขียนไดอารี่ให้ได้เป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกับหลายๆ คนที่มีไดอารี่อยู่...และเป็นที่แน่นอนว่าไม่เคยทำได้สำเร็จเลยสักที เพราะโดยส่วนตัวแล้วจะเรียบเรียง หรือเล่าเรื่องอะไรให้ได้ปะติดปะต่อ เป็นลำดับเหตุการณ์เนี่ยก็ทำได้หรอกนะ แต่ต้องเป็นในช่วงเวลาวันนั้นเลย หากพ้นเวลาวันนั้นไปแล้ว (ง่ายๆ ว่านอนหลับพักผ่อนในยามค่ำคืนแสนสุขไปแล้ว) ก็จะลำดับไม่ค่อยจะถูกละว่าเมื่อวานนี้อะไรเกิดก่อนเกิดหลังยังไง (สงสัยว่าความจำจะละลายหายไปกับน้ำลายบูดนะเนี่ยเรา)

ตอนนี้เลยเขียนบันทึกขึ้นมาเล่มนึง...
แต่จะเรียกว่าเป็นไดอารี่ก็คงไม่ได้เสียล่ะมั้ง เพราะสิ่งที่เขียนส่วนใหญ่ก็เป็นการเล่าเรื่อง หรือไม่ก็บรรยายสภาพอารมณ์ของแต่ละวัน (ที่นึกอยากจะจด) เสียมากกว่า
...เหมือนกับการอัพบล็อคนี่เลยนะเนี่ย...
...ตอนไหนนึกอยากจะอัพ ก็อัพ...
...พอไม่อัพก็หายไปเฉยๆ (น่าตีจริงๆ เลยเน๊อะ)...

จะว่ายังไงดีล่ะ...บางวันมันเหนื่อยเกินไปล่ะมั้งนะ
...นอนหลับก็สนิทดีหรอกนะ แต่ว่าที่นอนไม่เหมือนกับนอนที่บ้าน (สบ๊าย สบาย)
...ไหนจะแสงในตอนเช้า และการมีรูมเมทอีก...(ก่อนหน้านี้อยู่หอ ก็อยู่คนเดียว มีกระต่ายสี่ตัวคอยปลุกตอนเช้าเท่านั้นแหละนะ) คงไม่ชินกับการอยู่ห้องหลายคนเสียล่ะมั้งนะเรา...เอาน่ะ คนเราเป็นสัตว์สังคมที่มีความสามารถในการปรับตัวได้ แต่อาจจะช้าหน่อยในกรณีนี้น่ะนะ

ก่อนอื่นที่จะต้องปรับเลยคงเป็นเรื่องการกิน
ชอบกิน "ข้าว" แน่นอนว่ากินข้าวมากก็จะ "อ้วน"
แล้วทีนี้เมื่อไรจะผอมละเนี่ย?? (วิธีการตอนนี้ก็อาศัยซิทอัพทุกวัน ให้จุกท้อง...โดยเฉพาะมื้อตอนเย็น จัดไปสักสามสิบทีก่อนทานอาหาร เราจะได้รู้สึก "จุก")
 ...เมื่อจัดการเรื่องกินได้ก็ต้องออกกำลังกาย...
...สวนสำหรับวิ่งออกกำลังกายที่ใกล้ๆ กับหอพักเนี่ย อยากจะบอกว่าวิ่งครบรอบนึงแบบไม่หยุดพักเลยจะเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ เพราะมันใหญ่ม๊ากกกกกก ไหนจะสไตล์การวิ่งที่ต้องหลบทั้งคน รถ และบรรดาหมาๆ อีกต่างหาก (วิ่งๆ หยุดๆ ตะคริวกินขากับเวลาหลบเนี่ยแหละ)
ณ สวนแห่งนี้...สาวก็เยอะ หนุ่มก็แยะ คนแก่ก็ตรึม เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจสุขภาพกันนะ...แต่ทำไมมันไม่มีฟิตเนสมั่งนะเนี่ย เฮ้อออออ

แต่แน่นอนว่าทุกอย่างมันต้องมีอุปสรรค!!
สำหรับการออกไปวิ่งนอกบ้าน อุปสรรคที่ว่าก็คือ "ฝน" นั่นเอง
แล้วหน้าร้อน ณ จุดจุดนี้...ว่ากันว่าฝนตก "บ่อย" เสียด้วยน่ะสิเออ
...วันนี้เองฝนก็มีท่าทีว่าจะตกเช่นกัน...
...ทำให้สภาพอากาศตอนนี้น่านอนมากๆ เลยล่ะ...
แน่นอน!! อย่าได้รอช้า...ขอตัวนอนก่อนสักงีบแล้วกันนะ อิอิ ^^

Monday, June 11, 2012

เฝ้ารอคอยเธอมาแสนนา...แล้วเธอคนนั้นคือใครกันนะ?



ช่วงชีวิตที่เคยรักใคร ไม่เคยล้อเล่นกับหัวใจ 
แต่ว่าทุกคน เข้ามาคบกัน ไม่นานเขาก็ไป 
แต่ละครั้งก็คอยทุ่มเท แต่สุดท้ายก็ยังเสียใจ 
เจ็บจนคุ้นเคย แต่ไม่ชอบเลย ที่ต้องไม่เหลือใคร 

**
ดั่งฟ้า จะแค่เพียงต้องการแกล้งกัน 
ให้ฉัน ต้องพบเจอแต่เจ็บความช้ำใจ 
จนไม่รู้ว่า รักแท้หน้าตาเป็นเช่นไร 
ก็ยังไม่พบเจอใคร ที่รักกันจริงสักที 
**

****
จะมีไหมซักคน มาเปลี่ยนชีวิตของฉัน เธอคือใคร 
ที่จะรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้ 
จะมีไหมซักใจ จะได้เจอเธอ อยากรู้เธอคือใคร 
ที่จะเป็นรักสุดท้าย ของฉันจริงๆสักที
****

อยากจะพบสักคนที่เข้าใจ ไม่ต้องพร้อมต้องดีมากมาย 
อาจจะเถียงกัน อาจทะเลาะกัน เขายังไม่ไปไหน 
อยากจะพบสักใจที่เข้ากัน อยู่กับฉันรักกันเรื่อยไป 
อยากให้แวะมา ฝากแค่น้ำตา ให้ค้างคาในหัวใจ 

ซ้ำ (**, ****) 

ไม่รู้จะเจอเมื่อไหร่ ก็เฝ้าแต่ถาม ก็ได้แต่ถามจากฟ้า 

จะมีไหมซักคน มาเปลี่ยนชีวิตของฉัน เธอคือใคร 
ที่จะรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน อยากจะรู้ 
จะมีไหมซักใจ จะได้เจอเธอ อยากรู้เธอคือใคร 
ที่จะเป็นรักสุดท้าย ของฉันจริงๆสักที


คนโสดหลายๆ คน...จริงแล้วไม่ได้อยากจะโสด
...เขาก็แค่เฝ้ารอคอยใครสักคน ที่รักเขาจริงๆ...
...รอคอยแค่คนเพียงคนเดียว ที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป...

ที่รออยู่อย่างนี้...ก็เพราะว่าเคยรักใครไปแล้ว สุดท้ายความรักนั้นก็หายไป
...วันแล้ววันเล่า คอยเฝ้าตามหาใครคนนั้น...
แต่คนคนนั้นมีอยู่จริงหรือเปล่า?
เมื่อเวลาผ่านไป ผ่านไป ผ่านไป...
...ตัวเขาเองจึงเริ่มไม่แน่ใจ ในสิ่งที่เรียกว่า "รัก"...
...สิ่งนั้นมันมีอยู่จริงๆ หรือ?
อาจจะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกผูกพันธ์และห่วงใยกันและกันเท่านั้นก้ได้...

"ขอเพียงใครสักคน แค่คนคนเดียวเท่านั้น
ที่จะคอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ ไม่ว่าในยามสุข ยามทุกข์
คอยเป็นกำลังใจให้กัน...อยู่เป็นรักสุดท้ายของฉันจริงๆ"

Thursday, April 19, 2012

สิ่งที่ ..."ไม่ธรรมดา"...


คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา 
เคยเดินตามหาก็ไม่เจอสักราย 
แค่คนคนหนึ่งที่มีผลทางใจ 
ที่เจอก็ไม่ใช่ ที่ใช่ก็ไม่เจอ 

คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา 
ที่สุดฟ้าก็พาให้มาพบเธอ 
เธอคือคนเดียวที่ไม่ต้องเลิศเลอ 
แต่อยู่ใกล้เธอเหมือนเจอสวรรค์ในหัวใจ 

จบแล้วที่เสาะหา ได้มาพบตัวจริงซะที 
ชีวิตต่อจากนี้ คงจะดีถ้ามีแต่เธอ 
ก่อนจะนอนอยากเจอเธอเป็นคนสุดท้าย 
คนแรกของเช้าถัดไป ฉันก็อยากเห็นเธอ 
เช้าก็มีแต่เธอ ค่ำก็มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น 

อยากทำตัวติดเธอไม่ต้องห่างไปไหน 
ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยากทำด้วยกัน 
ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกเวลาของฉัน 
โว้ โอ โอ อยากจะใช้กับเธอ 

มันช่างคุ้ม คุ้มกับการรอคอย 
เหนื่อยไม่น้อย ที่คอยเฝ้าเจอตั้งนาน 
แต่ในนาทีแรกที่ได้เห็นหน้ากัน 
นาทีนั้นรู้เลยว่าคุ้มที่รอ 

จบแล้วที่เสาะหา ได้มาพบตัวจริงซะที 
ชีวิตต่อจากนี้ คงจะดีถ้ามีแต่เธอ 
ก่อนจะนอนอยากเจอเธอเป็นคนสุดท้าย 
คนแรกของเช้าถัดไป ฉันก็อยากเห็นเธอ 
เช้าก็มีแต่เธอ ค่ำก็มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น 

อยากทำตัวติดเธอไม่ต้องห่างไปไหน 
ไม่ว่าจะทำอะไรก็อยากทำด้วยกัน 
ทุกลมหายใจเข้าออก ทุกเวลาของฉัน 
โว้ โอ โอ อยากจะใช้กับเธอ 
โว้ โอ โอ อยากจะใช้กับเธอ

เขาบอกว่า...
"คนของเรา" คงอยู่มุมใดมุมหนึ่งของโลก
แต่น่าเสียดายที่โลก "กลม" (ไม่มีมุม)

แต่ว่าคนคนหนึ่งจะธรรมดาหรือไม่ธรรมดาก็คงจะอยู่ที่ "ตัวเรา" เอง
คนที่ทำให้เรา "คิดถึง" ได้เสมอๆ ไว้ว่าจะเวลาไหน
คนที่แค่เขาหรือเธอส่งยิ้มมา เราก็อารมณ์ดีได้
คนที่เราอยู่ใกล้ๆ แล้วทำให้เราสบายใจ...ปลอดภัย และมีความสุขมากกว่าปกติ

ไม่ต้องตามหาไกลไปไหน..."พ่อแม่" "เพื่อน"
หรือแม้แต่ "สัตว์เลี้ยง" ก็เป็นอะไรที่ "ไม่ธรรมดา" เหมือนกันนะ ^^

เพราะงั้นแล้ว...
...ไม่ต้องตามหาที่ไหนให้ไกลหรอก...
...แค่ "คนใกล้ตัว" ก็ไม่ธรรดาแล้วล่ะ...

Sunday, April 15, 2012

สุขสันต์วันสงกรานต์จ้า



***
เฮ ฮา สามช่ากลับมา 
รู้ไหมว่าคนไทย สามช่ากว่าใคร 
ฮือ ฮา ถ้าสามช่าถูกใจ 
ดิ้นกันตามสบาย ใครจะร้ายกว่ากันน่ะ 

มีเท่าไรก็ใส่ไม่ต้องยั้ง 
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องแคร์ใครจะไม่ถูกใจ 
ฝรั่งถามมา ก็บอกว่า beat ไทย 
ทะทะไทย ทะทะไทย I like beat you 

โอย โอ้ย จังหวะอย่างงี้ฉันเต้นยังไง 
คิดถึงจังหวะ คิด คิด คิดถึงจังหวะ คิด คิด 
โอย โอ้ย จังหวะอย่างงี้ฉันไม่เข้าใจอ่ะ 
คิดถึงจังหวะ คิด คิด คิดถึงจังหวะ คิด คิด 
***

โอย โอ้ย จะทำอย่างงี้ ฉันทำยังไงอ่ะ 
คิดถึงจังหวะ คิด คิด คิดถึงจังหวะ คิด คิด 
โอย โอ้ย จะเอาอย่างงี้ หรือเอายังไงอ่ะ 

นี่เธอจะทิ้ง เธอบอกฉันเธอไม่สน 
นี่เธอยังย้ำ จังหวะฉันมันสับสน 
นี่เธอยังไม่คิด สไตล์แบบนี้กำลังจะฮิต 
It สามช่า กรอกหูอีกสามหน 

เปิดมาเป็นใครก็กรี๊ด แดดิ้นกันสุดชีวิต 
ซ่าไม่อายใคร สไตล์ไทยยังไงก็จี๊ด 
นี่ถ้าจะจะเฟี้ยว เราเนี้ยถ้าจะฟาวล์ 
คาราบาวเริ่มไว้ คิดถึงจังหวะไทยบีต 

ทำวณิพกเพื่อชีวิต จังหวะที่คนไทยกรี๊ด 
ฟังดูซิ ตั้งแต่เกิดมากี่ปี 
สามช่าขึ้นปั๊ป เอวขยับไหล่ก็ยกทุกที 
เอาล่ะไม่พูดก็รู้ดี โป๊งโป๊งชึ่งแช่วับก็รู้ดี 
ดี เตรียมตัวกันไว้ให้ดีดี 
หลับตาเปิดใจ ปล่อยสามช่ามาใหม่ที 

We wanna dancing to night 
ถ้า Everybody อยากจะดิ้น ทำไมต้องแคร์อะไร 
รำวงหรือรำซิ่งจากใจ Someone จะมองเราดีด 
เราดิ้น เรามาเรามันกันแบบไทย 

ซ้ำ ***

โอย โอ้ย จะทำอย่างงี้ ฉันทำยังไงอ่ะ 
คิดถึงจังหวะ คิด คิด คิดถึงจังหวะ คิด คิด 
โอย โอ้ย จะเอาอย่างงี้ หรือเอายังไงอ่ะ 

นี่ก็ไม่ดี นั่นก็ไม่สน 
นั่นก็ไม่ดี นี่ไม่เป็นสับปะรด 
ถ้าเธอได้ยินสาละวันให้เตี้ยลง 
โยกสามช่าใครได้ยินก็เตี้ยลง 

ดิ้นกันวันละนิด ดิ้นกันเพื่อชีวิต 
เต้นไปตามอารมณ์ เพลงไม่ใช่ยาพิษ 
ดิ้นมาใกล้ชิด เราเรียกว่าผูกมิตร 
ชะชะช่า มาเมื่อไหร่เราก็ปี๊ด 

แม่เจ้าประคุณเธอช่างจี๊ด 
เต้นสามช่าไม่จำเป็นต้องประณีต 
ปล่อยท่วงท่าให้ลีลามันมา Lead 
สะบัดแขน สะบัดขา สะบัดคอ สะบัดเอว โอเย้ 

เป็นหนุ่มสาวหรือว่าเกย์ 
มาเริงระบำเรามา Bump สักที 
เฮ เรามันก็ same same นี่ 
ยากดีมีจน เจอสามช่าเซิ้งกันยับทุกที 

โอย โอ่ย โอ๋ย โอ้ย มันยั้งไม่อยู่จะทำยังไง 
โอย โอ่ย โอ๋ย โอ้ย ไหล่มันยกคอตกลงไป 
โอย โอ่ย โอ๋ย โอ้ย ถึงมันจะเหนื่อยจนแทบขาดใจ 
จังหวะสามช่าปล่อยมา แข้งขามันหยุดไม่ไหว 

ไฮโซรับไม่ได้ ก็ต๊ายตาย 
ให้เต้นกับจังหวะสามช่า ทำเป็นอาย 
เชิญกลับไปกวาดบ้านไปไอ้ฟาย 
งี้เราถนัดออกมาวาดลวดลาย 

ภูมิใจของไทยนั้นดี๊ดี 
เดินตามคนอื่นเขามานาหลายปี 
เต้นให้ลื่นปรื๊ด เหมือนกับหยอดจาระบี 
จังหวะงี้ต้องโยกก้านคอกันสักกะที 

We wanna danceing to night 
ถ้า Everybody อยากจะดิ้น ทำไมต้องแคร์อะไร 
รำวงหรือรำซิ่งจากใจ Someone จะมองเราดีด 
เราดิ้น เรามาเรามันกันแบบไทย 

ซ้ำ ***

โอย โอ้ย จะทำอย่างงี้ ฉันทำยังไงอ่ะ 
คิดถึงจังหวะ คิด คิด คิดถึงจังหวะ คิด คิด 
โอย โอ้ย จังหวะอย่างงี้ฉันดิ้นเป็นไฟ 
จระเข้สุดยอดเลยอ่ะ

แหะๆ ช้าไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรเน๊อะ??
(ถ้าจะเป็นคงจะเป็นที่เพลง เอามาซะเก่า "อีกแล้ว")

สวัสดีปีใหม่ไทยนะจ๊ะ
ขอพรอันประเสริญจงสถิตอยู่กับทุกๆ คนนะ
สุขภาพแข็งแรง....
คิดทำการสิ่งใดก็ขอให้ไร้อุปสรรค์
และที่สำคัญไม่มีหนี้สิน
..."ความไม่เป็นหนี้ เป็นสุขในโลก"...

Saturday, April 7, 2012

พรสวรรค์ พรแสวง


หากมีใครคนนึงส่งตะเกียงลงมา
จากดวงดาวอธิษฐานได้ตามต้องการ
ขอได้จริงทุกอย่างหนึ่งประการแค่เท่านั้น

อยากรู้บ้างนะใครอยากจะขอพรอะไร
ถ้าขอได้แล้วจะสุขอย่างนั้นจนเมื่อไหร่กัน

อาจมีใครบางคนอยากจะรวยล้นฟ้า
อยากมีเงินมีอำนาจเหนือใครคนใด
ขอให้เป็นดาราอยากเป็นดาวอยู่บนฟ้าคนต่อไป

อยากรู้บ้างนะใครอยากจะขอพรอะไร
ถ้าขอได้แล้วจะสุขอย่างนั้นจนเมื่อไหร่กัน

หากสวรรค์บันดาลให้เราได้ทุกอย่าง
พรสวรรค์บันดาลให้คนที่ต้องการ
อยากจะขออะไรก็บอกไป
หวังลมๆ ในจิตใจ ขอยังไงก็คงไม่มีทาง

อธิษฐานให้นานเท่าไหร่ก็ไม่พอ
กี่คำขอก็คงเป็นพรที่ว่างเปล่า
พรสวรรค์ที่แท้จริงคือหัวใจเรา
กำหนดได้ทุกอย่าง

อาจมีใครบางคน อยากจะเจอรักแท้
แต่ในใจกลัวจะแพ้ไม่ยอมมีใคร
รักเขามาแสนนาน แต่ไม่กล้าเอ่ยคำนั้นออกไป

อาจมีใครบางคนหยิบตะเกียงเอามา
แต่ในใจมีปัญหาค้างคามากมาย
ขอเป็นผู้วิเศษเสกเอาเองเลยได้ไหม

อยากรู้บ้างนะใครอยากจะขอพรอะไร
ถ้าขอได้แล้วจะสุขอย่างนั้นจนเมื่อไหร่กัน

หากสวรรค์บันดาลให้เราได้ทุกอย่าง
พรสวรรค์บันดาลให้คนที่ต้องการ
อยากจะขออะไรก็บอกไป
หวังลมๆ ในจิตใจ ขอยังไงก็คงไม่มีทาง

อธิษฐานให้นานเท่าไหร่ก็ไม่พอ
กี่คำขอก็คงเป็นพรที่ว่างเปล่า
พรสวรรค์ที่แท้จริงคือหัวใจเรา
กำหนดได้ทุกอย่าง

อยากรู้บ้างนะใครอยากจะขอพรอะไร
ถ้าขอได้แล้วจะสุขอย่างนั้นจนเมื่อไหร่กัน

หากสวรรค์บันดาลให้เราได้ทุกอย่าง
พรสวรรค์บันดาลให้คนที่ต้องการ
อยากจะขออะไรก็บอกไป
หวังลมๆ ในจิตใจ ขอยังไงก็คงไม่มีทาง

อธิษฐานให้นานเท่าไหร่ก็ไม่พอ
กี่คำขอก็คงเป็นพรที่ว่างเปล่า
พรสวรรค์ที่แท้จริงคือหัวใจเรา
กำหนดได้ทุกอย่าง

พรสวรรค์ที่แท้จริงคือหัวใจเรา
พรสวรรค์ที่แท้จริงคือหัวใจเธอ
พรสวรรค์คือความรักในสิ่งใด
ให้สิ่งนั้นนำพาไป ไม่ว่าอะไรที่ใจเราต้องการ

วันนี้มาเพลงใหม่นิดนึง
เข้ากับบรรยากาศการอ่านหนังสือ ภายใต้แรงกดดันการสอบ

....เมื่อนึกถึงการสอบ ก็นึกกลับไปถึงตอนเรียน...
...แต่ละคนคงจะเคยมีเพื่อน หรือไม่ก็ตัวเราเองนี่แหละนะ...
พอจะสอบแล้วก็คิดตลอดว่า....
"ก็เรามันไม่เก่ง" "ก็เราไม่มีเวลา" "ก็เรามันไม่มีพรสวรรค์"
...ก่อนจะคิดแบบนั้นให้ย้อนกลับมาถามตัวเองก่อนว่า...
"ทำไม่ได้ หรือ ไม่ได้ทำ" "เหตุผลมากมายที่ยกมา แค่ข้ออ้างหรือเปล่า?"
บางครั้งเราก็คิดจะพึงคนอื่น หรือบางครั้งเพื่อนก็คิดแต่จะพึ่งเรา
...จะกราบจะไหว้จะขอพรกับสิ่งใด...
...เคยรู้สึกไหม ว่าสุดท้ายถ้าอยู่เฉยๆ ก็จะไม่ได้อะไรเลย...
(ยกเว้นคนที่ชอบเสี่ยงดวงนะ นั่นขึ้นอยู่กับบุคคล อิอิ)

อีกอย่างหนึ่ง...
เคยไหม ยังไม่ลงมือทำก็คิดไว้ก่อนแล้วว่า "ไม่ได้"
...ความคิด...เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง
หากตัวเราเองยังคิดว่า "ไม่ได้"
แล้วคนอื่นๆ จะคิดว่าเราจะ "ทำได้" หรอ
เราต้องเชื่อในตัวเองเสียก่อน แล้วลงมือทำให้ดีที่สุด

ถ้าอยากสวย...ก็ต้องดูแลตัวเอง
ถ้าอยากเรียนเก่ง...ก็ต้องอ่านหนังสือ หัดทบทวนตำรา
ถ้าอยากเล่นเกมเซียนๆ...ก็ต้องเล่นบ่อยๆ
ถ้าอยากพูดเก่ง...ก็ต้องพูดให้มากๆ
ถ้าอยากมีเงินเยอะๆ...ก็ต้องรู้จักหา และรู้จักเก็บด้วย
ถ้าอยากจะผอม...ก็ต้องออกกำลังกาย (แต่ฝนบร๊ะ ตกอีกละ)

เห็นไหม ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ
ถ้าอยากได้ อยากมีแล้ว ก็ต้องลงมือทำ
...หากแต่ถ้าเป็นสิ่งที่มี สิ่งที่ได้แล้วจะทำให้คนอื่นๆ เดือดร้อน...
...ก็จงละไว้เสียเถิด... (เอ๊ะ เหมือนเทศนาเข้าไปละเหอะ)

ก็อย่างที่ในเพลงบอกนั่นแหละนะ
"ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว"
อยากจะได้อะไรแบบไหน สุดท้ายแล้วก็อยู่ที่ตัวเราจะเลือกเดิน เลือกทำ
"ชีวิตถ้าไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไป"
ว่าแล้วก็แว๊ปไปอ่านหนังสือก่อนล่ะ
...โดนสอบคนแรกเสียด้วย...
...ไอ้ชื่อเราตอนเป็นภาษาไทยอยู่สุดท้าย...
...แต่พอเป็นภาษาอังกฤษละคนแรกเชียว...

Friday, March 30, 2012

ถ้าหากฉัน มีเวทย์มนต์ เป็นแม่มดมีฤทธิ์เหมือนในนิยาย
จะเสกเธอ ให้สนใจ ให้เธอยอมเอาใจทั้งใจให้ฉัน

ถ้าหากเธอ ยังดื้อดึง ทำขัดขืนฉันคงต้องใช้กำลัง
จะเสกเธอ ให้เชื่อฟัง ให้บอกฉันดังๆว่ารักซักหน่อย

หากยอมเป็นคู่ใจ เอาอะไรก็ว่ามา
ขี่ไม้กวาดไปหา พาบินไปด้วยกัน
ไกวเปลให้ทุกคืน จะเกาคางให้ทุกวัน
อย่าห่วงเลยตัวฉัน จะดูแลเธอเอง

ถ้าหากฉัน มีเวทย์มนต์ เป็นแม่มดมีฤทธิ์เหมือนในนิยาย
จะเสกเธอ ให้สนใจ ให้เธอยอมเอาใจทั้งใจให้ฉัน

ถ้าหากเธอ ยังดื้อดึง ทำขัดขืนฉันคงต้องใช้กำลัง
จะเสกเธอ ให้เชื่อฟัง ให้บอกฉันดังๆว่ารักซักหน่อย

หากยอมเป็นคู่ใจ เอาอะไรก็ว่ามา
ขี่ไม้กวาดไปหา พาบินไปด้วยกัน
ไกวเปลให้ทุกคืน จะเกาคางให้ทุกวัน
อย่าห่วงเลยตัวฉัน จะดูแลเธอเอง

หากยอมเป็นคู่ใจ เอาอะไรก็ว่ามา
ขี่ไม้กวาดไปหา พาบินไปด้วยกัน
ไกวเปลให้ทุกคืน จะเกาคางให้ทุกวัน
อย่าห่วงเลยตัวฉัน จะดูแลเธอเอง

หากยอมเป็นคู่ใจ เอาอะไรก็ว่ามา
ขี่ไม้กวาดไปหา พาบินไปด้วยกัน
ไกวเปลให้ทุกคืน จะเกาคางให้ทุกวัน
อย่าห่วงเลยตัวฉัน จะดูแลเธอเอง


รื้อค้นเพลงสุดเก่ามา...ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงนึกถึง
แบบว่าอยู่ดีๆ ก็นึกขึ้นมาได้ตอนเข้าห้องน้ำ (เมื่อตะกี้นี้)
......
ฟิลลิ่งส่วนหนึ่งคงมากจากการดูการ์ตูนเรื่อง "แฟร์รี่เทล" มากเกินไปหน่อย
ทำยังไงได้ล่ะ ก็มัน "สนุก" มากมายเลยล่ะนะ

และเหมือนว่าจะมีงานเข้า (จนได้)
วันนี้...ต้อง allez au bar เป็นคำสั่งจากอาจารย์ (ไปบาร์)
ถ้าไม่ไปมีได้กินไข่ (0) ด้วย....เหอๆๆ

เอาล่ะ เอาเพลงเก่าๆ แอ๊บแบ๊วๆ มาแปะไว้ด้วยประการฉะนี้ ฉะนั้นแล้วต้องออกเดินทางแร้วล่ะ ไว้เจอกันอีกทีเน้อ

Monday, March 19, 2012

บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน...


ฉันเฝ้าถามความสุขอยู่ที่ไหน ชายที่เขาเดินผ่านฉันเข้ามา
บอกกับฉันขอร่มสักคัน แต่ว่าที่มือเขาก็มีหนึ่งคัน
...ก็แปลกใจ ท่ามกลางหยดฝนโปรยปราย...

เขาก็ถามฉันว่าอยากสุขไหม ลองหุบร่มในมือสักพักนึง
...และเงยหน้ามองวันเวลา มองหยดน้ำที่มันกระทบตา...
ยังเปียกอยู่ใช่ไหม หรือไม่มีฝน

บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง

ยิ้มฉันยิ้มมากกว่าทุกครั้ง สุขที่ฉันตามหามาแสนนาน
...อยู่ตรงนี้ แค่เพียงเข้าใจ...
อย่าไปยึดถือมันและกอดไว้ ก็แค่ร่มเท่านั้น เท่านั้น

บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง

ฉันเห็นเธอถือร่มผ่านมา
เต็มไปด้วยร่องรอย และคราบน้ำตา
ฉันได้เห็นแล้วมันปวดใจ
ไม่ใช่เพียงแค่เธอที่ทุกข์...ฉันก็เป็นเหมือนเธอ
เธอได้ยินไหม อยากขอให้เธอลองโยนร่มที่ถือเอา­ไว้หนัก โยนมันออกไป

บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน
อย่าไปยึ­ด อย่าไปถือ อย่าไปเอามากอดไว้ ก็จะไม่เสียใจ
ตลอดชีวิต ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใคร
จะทุกข์ จะสุขแค่ไหน
...ก็อยู่ที่จะมอง...

เหมือนตามที่เพลงเขาร้องไว้...
บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน
อย่าไปยึ­ด อย่าไปถือ อย่าไปเอามากอดไว้ ก็จะไม่เสียใจ
ตลอดชีวิต ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใคร
จะทุกข์ จะสุขแค่ไหน
...ก็อยู่ที่จะมอง...

...ที่สุดแล้ว...
ตัวเราจะสุข หรือจะทุกข์ก็อยู่ที่มุมมองของเรา
อยู่ที่ใจของเราจะคิด จะเลือกรู้สึก...

แต่ว่า ณ จุดๆ นี้
อยากจะบอกว่าไม่ค่อยสุข แต่ก็ไม่ทุกข์เสียทีเดียว
มันอาจจะลำบากที่จะอยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง
...แต่ก็ทำให้เรียนรู้ว่า "เราอยู่ได้"...
...ทำให้เข้าใจถึงเวลาที่มีค่าของสิ่งที่เรียกว่า "ความสุข"...
...ทำให้นึกถึง "ความอบอุ่น" ของนิยามคำว่า "ครอบครัว"...
...ทำให้เพ้อๆ ละเมอ ถึงใครบางคนที่ "รัก"...
...ทำให้รู้ว่า "ตอนนี้" อะไรคือ "สิ่งที่สำคัญ" และควรที่จะ "รักษา" มันไว้ให้ดี...

Wednesday, February 29, 2012

ระยะทาง กับ ความรู้สึก



จะบอกอีกทีว่าฉันรักเธอ
จะบอกให้ฟังว่าฉันค้นเจอ
ความหมายของการมีชีวิตอยู่
ก็รู้จากเธอไม่ใช่ใคร

จะบอกอีกทีถ้าไม่เชื่อกัน
จะบอกอีกทีว่าความสำคัญ
เธอนั้นเป็นที่หนึ่ง เหนือผู้ใด
และไม่มีใครนอกจากเธอ

อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา
อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร
เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจที่ฉันให้เธอได้ไหม

ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน

ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ

จับผิดระแวงกันทุกวี่วัน
นั่นมันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์
มันเริ่มที่จะจืดจางหายไป
แค่ไว้ใจกันได้ไหมเธอ

อย่ากลัวกับคนที่เขามานินทา
อย่ากลัวว่าในแววตาฉันมีใคร
เชื่อในรักเรา เชื่อในหัวใจที่ฉันให้เธอได้ไหม

ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน

ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ

ใครจะพยายามแทรกกลางระหว่างเรา
รู้ไว้นะว่าเขาไม่มีวันเข้ามาได้
จะไม่มีตรงกลางที่เหลือว่างเผื่อใคร
ถ้าใจเรายังผูกกัน

ใครจะพยายามยุยงให้สั่นคลอน
รู้ไว้นะทุกครั้งฉันนอนหลับตาฝัน
เห็นแค่ภาพเรารักกันยาวนาน
จนถึงวันที่ฉันแต่งงานกับเธอ



การรักใครสักคน...การยึดติดกับใครสักคน...มันต่างกันแค่พลิกฝ่ามือนิดเดียว
การที่เรารัก และอยากให้คนที่รักมีความสุข....มันก็จะทำให้เขามีความสุข
การที่เรายึดติดกับเขา และคิดไปเองว่านั่นคือรัก...มันจะทำให้เขาเป็นทุกข์

...เคยคิดว่าระยะทาง...จะช่วยให้รักคนคนนั้นน้อยลง
...แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันกลับมากขึ้นๆ...
...และยังดูไม่มีวี่แววว่าจะลดลง...

หากต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้...คุณจะทำยังไง?
จะมีก็ไม่ได้...แต่จะตัดไปก็แสนเจ็บในใจเหลือเกิน
อีกทั้งยิ่งห่าง...ก็ยิ่งไม่แน่ใจ...ที่เขาบอกกับที่เขาทำมันจะตรงกันหรือเปล่า
...ระแวง...หวง...หึง...ไม่เชื่อใจ...แล้วแต่ทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกไม่ดี

แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้...
ตัดออกไปจากใจไม่ได้...
ทำได้แค่..."คิดถึง"..."เป็นห่วง"..."หวังดี"...เท่านี้แหละนะ

Monday, February 27, 2012

แต่ละวันเมื่อก่อนมันช่าง...งมงาย



เนิ่นนานเท่าไรไม่รู้ที่รอเธอ ฉันจำไม่ได้
ที่จำได้ดีคือฉันมีเพียงเธอ แม้นานสักแค่ไหน

เธออยู่ที่ใดยังรักกันไหม ฉันไม่รู้ แต่ที่รู้คือฉันนั้นยังไม่เปลี่ยนใจ
ยังอยู่ตรงนี้ถึงแม้จะเหงาและเดียวดาย

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม

เมื่อเธอมีทางชีวิตไม่เหมือนฉัน ฉันห้ามไม่ได้
แต่ฉันจะมีชีวิตเพื่อรอเธอ แม้วันสุดท้าย

เกิดมาได้เจอคนที่ตามหามานานแสนนาน ทำให้รู้ว่าเธอมีค่ามากแค่ไหน
จะอยู่ตรงนี้ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เหลือใคร

ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่าใครจะมองว่าฉันงมงาย ฉันก็ยังเหมือนเดิม

จะรอแค่เธอถึงแม้ใครหาว่างมงาย
ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันจะยังรักเธอ ไม่ว่าเธอกับฉันวันนี้จะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะรออย่างมีความหวัง ยังคงไม่เปลี่ยนไป
ไม่ว่านานเท่าไรยังมีเพียงเธอ (ไม่ผิดใช่ไหมที่ฉันมีเธอคนเดียวในหัวใจ)
ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะรักเธอ


เมื่อก่อนนั้น...แต่ละวันมันช่างงมงาย
ช่างเดียวดายและมองไม่เห็นค่าตัวเอง
มัวแต่รั้ง แต่รอ...ให้ใครสักคนนึงมารัก มาใส่ใจตัวเรา...
...แต่ตัวเราเองกลับลืมคนที่เขารักและเป็นห่วงเรามากที่สุด..."พ่อ" "แม่"

จนถึงวันนี้...
ได้เข้าใจ และรับรู้แล้วว่าพวกท่านรักเราเสมอ
เป็นห่วงเราตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะอยู่ใกล้หรืออยู่ไกลแค่ไหน
ท่านอาจจะบ่น จะดุ จะว่าเราบ้าง...แต่นั่นก็เพราะท่านเป็นห่วง
...และหวังดีกับเราเสมอ...

อบอุ่นในหัวใจทุกครั้งที่ได้รู้ว่า...อย่างน้อยก็มีคนสองคนที่รักเรา
...คนสองคนที่เป็นห่วงเรา...
...คนสองคนที่หาแต่สิ่งดีๆ ให้เรา โดยไม่เคยหยุด แม้จะเหนื่อยแค่ไหน...
...คนสองคนที่ไม่ได้ต้องการให้เรารักท่านตอบ...
...แค่ท่านได้รักเรา ได้เป็นห่วง ได้ดูแล ได้เลือกสิ่งดีๆ ให้กับเรา...
...แค่นั้นท่านก็สุขใจแล้ว...

ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ที่คอยเป็นกำลังใจให้เสมอมา
แม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ค่อยใส่ใจเท่าที่ควร
แต่อยากให้รู้ไว้ว่า..."รักเสมอ" เหมือนกัน ^v^

Saturday, February 25, 2012

อากาศแบบนี้...น่านอนจริงๆเรยยย

ใกล้จะหมดหน้าหนาวในต่างเมืองเสียทีแล้ว...แต่ทางประเทศไทยก็คงจะร้อนอยู่เหมือนเดิมในทุกๆ วัน (ตอนร้อนก็อยากเย็น พอเจอเย็นๆ ก็อยากจะร้อนเน๊อะคนเรา)

อากาศช่วงนี้โดยรวมอยู่ที่ 20 องศา มีฝนตกบ้างเป็นบางวัน (ฝนแบบโปรยๆ น่ะนะ ไม่ได้เทลงมาอย่างกับฟ้ารั่วเหมือนบ้านเรา) แต่ก็ยังมองหาแสงแดดสาดส่องเพื่อใช้ในการตากผ้าไม่ได้เหมือนเดิม...จะสร้างพัดลมกับราวตากผ้ามันก็ดีอยู่หรอก แต่ใช้แค่แป๊ปๆ เอง เลยไม่อยากจะซื้อเสียเท่าไร ตากๆ ไป อาศัยอากาศวันที่มีความชื้นต่ำๆ และลมดีๆ เสียหน่อยแล้วกันนะ

โดยปกติแล้วเวลาที่เราตากผ้าเนี่ย เราจะตากกัน"หลังห้อง" เพราะมี "ระเบียง" กันใช่ไหมเอ่ย...แต่ ณ จุดๆ นี้ที่ฮานอย...ห้องไม่มี "ระเบียง" หลังห้อง มีแต่ทางเดินหน้าห้องอย่างเดียว งานนี้ตากผ้าก็ต้องเอาไปตากที่หน้าห้องสินะ -0-  แต่ก็อย่างว่า "อย่าได้แคร์" เพราะมันก็ไม่เข้าใจเราพูด เราก็ไม่เข้าใจมันพูดเหมือนกัน (ฮ่าๆๆๆ)

เอ๊ะ ตอนแรกว่ากันถึงอากาศนี่นะ
คนไทยมักจะอยากไปเที่ยวเมืองหนาวกัน หากแต่เป็นการไปเที่ยวมันก็คงจะดีอยู่หรอก แต่ให้มาอยู่ในเมืองที่หนาวๆ นี่ ยอมรับว่า "ไม่ค่อยไหว" และรู้สึกได้เลยว่าจะมีความรู้สึกไวกับอากาศหรืออะไรที่มันเย็นๆ ได้เร็วกว่าเมื่อก่อน....ที่ว่ารู้สึกได้เร็วน่ะคือ ขนลุก นะ แบบมันเย็นแว๊บมาเลยจริงๆ หลายคนอาจจะหาว่าเวอร์ไป แต่ถ้าลองมาพบเจอกับตัวเองแล้วจะเข้าใจว่าไม่ได้เวอร์จริงๆ นะเนี่ย

ตอนนี้ก็ปิดบล็อคภาษาฝรั่งเศสไปแล้ว
ส่วนนึงคือด้วยความขี้เกียจล่ะนะ...แล้วอากาศก็ไม่ชวนให้ทำกิจกรรมอื่นๆ นอกจากการนอนเสียด้วย (ฮ่าๆๆ) อีกอย่าง แค่ท่องศัพท์กับกริยาก็มึนได้ถ้วยกันเลยทีเดียวเชียว

นานๆ ทีก็จะเข้ามาอัพ มาบ่น มาพิมพ์อะไรเถือกนี้ลงในบล็อค...ซึ่งเรียกได้ว่า "ไร้สาระ" ที่สุด

เอาน่ะ...ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในเวลาว่างที่แสนจะเอื่อยเฉื่อยของแต่ละวัน
จะว่าไปแล้วหากนั่งนับวัน...ขนาดเดือนที่สั้นที่สุด แต่อยู่ในสถานที่ที่น่าเบื่อที่สุด มันก็กลายเป็นเดือนที่แสนจะยาวนานได้เหมือนกันนะเนี่ย (เวลาจริงแค่เดือนเดียว แต่ในความรู้สึกเหมือนมันไม่ยอมหมดเดือนเสียที) ขณะที่ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากวันเสาร์-อาทิตย์...สองวันนี้ก็มาไว และไปไวดีแท้ๆ T^T

ตอนนี้สิ่งที่อยากทำมากที่สุดคงเป็นการ "กินไก่เป็นตัวๆ"
ไม่ได้จะเป็นตัวอะไรที่ลากไก่ลงน้ำหรอกนะ...เพียงแค่ว่า "แม่ง มีแต่ผัก" จริงๆ นะ
ทานข้าวแต่ละที ตักมางี้มีแต่ "ผัก"
คนเคยกินเนื้อทีละเยอะๆ อยู่ตลอด พอไม่ได้กินแล้วฟันมันคมๆ จริงๆ เรยเชียว

....โอย หิวละ ออกไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า...

Friday, February 3, 2012

หากย้อนเวลากลับไป....

...วันนี้ขอทำตัวเหมือนคนแก่เสียหน่อย...
...หากมองย้อนเวลากลับไป (จริงๆ ไปเปิดเจอบันทึกช่วงที่ส่งเอกสารและรอผลว่าจะได้มาเรียนต่อไหมนั่นแหละ) ณ ตอนนั้น...."ดีใจมาก" ที่ได้มีโอกาสจะได้เรียนทุนที่ไม่ต้องมีการใช้ทุน แถมยังได้ภาษาเป็นการเพิ่มเติมด้วย แต่ ณ ตอนนี้..."คิดผิดไหมนะ" ที่พาตัวเองมาเรียนที่นี่??

จริงๆ แล้วตัวเรานั้นอยากเรียน "บัญชี" แต่ทำไมมาเรียนด้าน "เน็ตเวิร์ค" เสียได้ล่ะ??
...ตอนแรกคิดว่า "ดี" เพราะได้เนื้อหาด้านคอม แถมได้เพิ่มภาษาฝรั่งเศสด้วย
แต่ตอนนี้รู้สึก "ไม่ดี" เพราะเมื่อหันกลับไปดูพ่อแม่แล้ว...แทนที่เราเรียนจบมา จะทำงานช่วยเหลือท่านได้ กลับทำได้แค่เรียน เรียน เรียน อย่างเดียว (เรียนตั้งแต่ 8.30-17.00 อยากจะหางานทำก็ไม่มีเวลา) แรกๆ ก็คิดว่า "ทำงานผ่านเน็ต" น่าจะได้แหละนะ...แต่เจอสภาพความเร็วอินเตอร์เน็ตแบบนี้สงสัยจะไม่ไหว หาความแน่นอนไม่ได้เสียด้วย...แล้วก็ตัดสินใจตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด แต่ความรู้สึกส่วนหนึ่งในใจลึกๆ ไม่ค่อยอยากเรียนแล้วเนี่ยสิ....น่าจะเป็นเพราะสภาพอากาศที่แตกต่างจากบ้านเกิดเมืองนอน ทำให้การทำกิจกรรมอะไรต่างๆ ดูยุ่งยากกว่า เลย "เบื่อ" ที่จะอยู่เสียล่ะมั้ง

ก่อนกลับมาเรียนต่อหลังจากเทศกาลเต็ต..."ตกเครื่องบิน"
...เป็นหนที่สองที่ตกยานพาหนะขนส่ง...(ครั้งแรกตกรถทัวร์กลับบ้าน จำได้เลยว่าเสียใจมาก รู้สึกแย่...แบบว่าใจมันกลับบ้านไปแล้ว) แต่หนนี้...ในใจลึกๆ คิดนะว่า "ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากจะกลับมาเลย"

หากแค่เพียงได้ยินเสียงพ่อแม่ที่คอยเป็นห่วง และหวังว่าเราจะเรียนได้จบ..."อืม เวลาอีกแค่สามปีมันดูจะนานก็จริง แต่ทุกปีก็ได้กลับไปหาท่านนี่นะ ต้องทำให้ดีที่สุด และจบให้ได้ตามกำหนดเวลา...อย่าให้มีผิดพลาดจนต้องทดเวลาเพิ่มไปอีกเด็ดขาด"

เมื่อบอกกับตัวเองได้อย่างนั้นแล้ว...ก็ดูตนเองจะมีความสุขกับการเรียนและการใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย และมีความสุขกับความตั้งใจมากขึ้น เมื่อเพื่อนบอกข่าวการสอบ DELF A2 และ DELF B1 ในอีกสองและสามเดือนข้างหน้า...เมื่อสอบเสร็จก็จะได้พัก กลับบ้าน!!!

ทีนี้การสอบก็มี "ผ่าน" กับ "ไม่ผ่าน"...
...ถ้าผ่านก็เข้าเรียนคอร์สมาสเตอร์ได้...
...หากไม่ผ่าน ก็ต้องเรียนภาษาซ้ำอีกปี...(นึกแล้วสยอง ไม่อยากจะซ้ำ ไม่อยากเพิ่มเวลาในการอยู่ห่างบ้านเลยจริงๆ)

...เมื่อคิดได้แล้วก็จะตั้งใจเรียน...อย่างพอดี (อิอิ)
เพราะก่อนหน้านี้...รู้ตัวเองว่าเคร่งเครียดกับการเรียนเกินไป คิดแต่ว่า "อยากกลับ" "เบื่อ" "ไม่อยากอยู่แล้ว" มันเลยทำให้การใช้ชีวิตในแต่ละวันดู "น่าเบื่อ" และ "เคร่งเครียด" จนถึงกับ "ไม่มีความสุข"

...หากตกอยู่สภาวการณ์ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง หรือหลบหนีได้แล้วนั้น การเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างปราศจากความเครียด และความทุกข์ จักทำให้ชีวิตในแต่ละวันของคุณน่าอยู่ขึ้นอีกนิดนึง...

Friday, January 13, 2012

Long time no see ^^

แหมๆๆๆ หายหน้าหายตากันไปนานเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งมาจากอากาศที่หนาวอย่างไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน (อยู่แต่เมืองติดทะเล ไม่ค่อยจะได้พบกับอากาศเย็นๆ น่ะค่ะ) ประกอบกับช่วงนี้เนื้อหาเรียนเริ่มจะต้องจำอะไรเยอะแยะมากขึ้นด้วย และสองอาทิตย์ต่อจากนี้ก็จะเป็นเทศกาลตรุษเวียดค่ะ ได้หยุดเรียนสองอาทิตย์...บินกลับเมืองไทยก่อน ขอกลับไปรับแดดแรงๆ บ้านเรานิดนึงน่ะ อิอิ

ช่วงนี้ค่อนข้างจะมีปัญหาด้านการใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะ Facebook ที่เล่นกันไม่หวาดไม่ไหว จนเรียกได้ว่าติดกันเลยทีเดียว....ปัญหายังไงน่ะเหรอ ก็ทางฮานอยเขาบล็อคไม่ให้เข้าน่ะสิ!! (ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทั้งเวียดนามเลยหรือเปล่าที่ไม่สามารถเข้าได้ แต่ ณ จุดจุดนี้ที่อยู่ไม่สามารถเข้าได้น่ะสิ)

กลับเมืองไทยหนนี้สิ่งแรกที่จะทำคงหนีไม่พ้นการรับประทานเป็ดย่าง...หนก่อนกินเป็ดวันคริสต์มาสต์ของที่นี่ละ เหนียวได้ใจจริงๆ ตามด้วยเมนูอาหารหลากหลายเท่าที่จะคิดอยากกินได้ยามห่างบ้านมา ต่อด้วยผลไม้หลากหลายชนิดที่ไม่ได้ทานมาร่วมสองเดือน (มะพร้าวลูกละ 90 บาทได้ กินไม่ลงกันเลยทีเดียว) และคาดว่าจะจบลงด้วยการหาซื้อเสื้อคอเต่าสักสองสามตัวติดกลับมาเวียดนามด้วย (คนใส่ตัวใหญ่ค่ะ ใส่เสื้อผ้าไซต์เวียดนามไม่ค่อยได้ เป็นแหนมมัดกันเลยนะเออ)

ส่วนเรื่องบทเรียนภาษาฝรั่งเศสจะอัพให้ในช่วงวันหยุดนี้ล่ะนะคะ

อาจจะสายไปเสียหน่อย แต่ก็ "สุขสันต์ปีใหม่" นะคะ
ปีมังกรปีนี้ขอให้ได้โชคได้ลาภ ใครมีทุกข์ขอให้ทุกข์คลาย ใครที่สุขแล้วก็ขอให้สุขนานๆนะคะ

Sunday, January 1, 2012

และแล้วก็ได้รับเสียที!!

หลังจากที่เมื่ออาทิตย์ก่อนเกิดเรื่องน่าเวียนหัวกับการติดต่อรับพัสดุจากต่างประเทศ เนื่องจากระบบแตกต่างกันกับที่ไทย...ยอมรับว่าส่วนนึงมากจากความเข้าใจไม่ตรงกัน และการคิดไปเองว่ามันคง "เหมือนกัน" ของเราเนี่ยแหละน้า

เมื่อแกะกล่องพัสดุที่ส่งมาจากทางบ้าน....
...มีของหลายอย่างส่งมาให้ แต่ที่เด็ดก็คือ มาม่าต้มยำน้ำข้นจำนวน 60 ซอง...กินกันผมหยิกเป็นเส้นบะหมี่ได้เลยทีเดียวเชียว (ฮ่าๆๆ) ผ้าห่มสองผืนใหญ่ๆ (ต้องขอบคุณคุณแม่มากๆ เลยค่ะ เพราะตอนแรกให้ส่งมาแค่ผืนเดียว แต่ส่งมาสองผืนเลยได้นอนอุ่นๆ สบายตัวแบบทีเดียวถึงเช้า ไม่ต้องสะดุ้งตื่นเพราะอุณหภูมิเปลี่ยน อิอิ) และกระเป๋าสีชมพูรูปลิง...เหมือนว่าคุณพ่อจะเลือกให้ แหววได้ใจจริงนะเออ ^^

เมื่อได้มาม่ามา เราก็เริ่มต้นการทานมาม่าต้มยำสไตล์ไทยๆ กันก่อน...แต่กินไปกินมา รู้สึกว่ามัน "เค็ม" มาก สงสัยว่าจะเริ่มชินกับการทานอะไรจืดๆ ไปเสียแล้วล่ะมั้ง และดูเหมือนว่าจะเป็นการส่งท้ายและเริ่มต้นรับปีใหม่ที่แทบไม่ต่างจากกันเลยทีเดียว (ซัดมาม่าข้ามปีกันเลยนะเนี่ย)

และด้วยประการนี้ ขอให้เพื่อนๆ ฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอย่างมีความสุขและปลอดภัยตลอดการเดินทางนะจ๊ะ ขอตัวนอนตื่นสายรับปีใหม่ก่อนละเน้อ ^^