Wednesday, November 30, 2011

ฮ่ายยยย เมาควันรถ!!

ย้อนความกลับไปเสียหน่อยเกี่ยวกับความสามารถในการขับขี่รถของคนเวียดนามที่ได้เคยกล่าวไป ว่าเขาบีบแตรกันมากมายก่ายกอง ถ้าเป็นที่เมืองไทยคงจะตะโกนถามไปแล้วว่า "จะบีบหาxxเหรอ" (เซ็นเซอร์เสียหน่อยเดี๋ยวจะไม่สุภาพ อิอิ)

หากใครได้เคยมาเยียบย่างเข้าเวียดนามคงจะรู้ว่ารถที่วิ่งอยู่บนถนน ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถยนต์ส่วนตัว หรือรถประจำทาง รวมไปถึงรถจักรยานที่มีจำนวนมากมายจนตาลายไปหมด ไม่รู้ว่าจะมองซ้ายหรือมองขวาก่อนดีเวลาข้ามถนนเนี่ย แต่แปลกตรงที่ไม่ค่อยจะมีรถชนกันเสียเท่าไรเลย

...จนเมื่อตอนเที่ยงวันนี้...
เหตุการณ์เกิดขึ้น ณ สี่แยกทางข้ามไปยังมหาวิทยาลัย
ไม่ทันได้เห็นจังหวะที่เกิดเหตุเฉี่ยวกันระหว่างรถจักรยานยนต์กับจักรยาน...แต่ดูเหมือนว่ารถจักรยานยนต์จะเป็นฝ่ายขับเชวิ๊ดชว๊าดปาดหน้ารถจักรยาน (แหม ก็น้องเขาค่อยๆ ปั่น พี่จะไปพี่ก็ไปสิคะ ดันไปปาดหน้าน้องเขาอีก) ภาพที่ได้เห็นจะๆ เต็มๆ ตาเลยคือ สาวที่นั่งมากับรถจักรยานยนต์ทำท่าทางเหมือนกำลังโหวกเหวกโวยวายไม่พอใจอะไรสักอย่างนึงอยู่ แทนที่จะปล่อยให้ฝ่ายชายพาน้องที่พวกเขาเฉี่ยวไปส่งโรงพยาบาลเสียก่อน แต่ก็รอเวลาไม่นานเท่าไร (ประมาณ 8 นาที) ก็มีเสียงรถพยาบาลมายังที่เกิดเหตุ

แน่นอนว่าด้วยความที่ปกติก็ตื่นเต้นกันอยู่แล้วตอนข้ามถนน เมื่อได้เห็นเหตุการณ์อย่างนี้ ประกอบกับสภาพการจราจรเมื่อตอนประมาณหกโมงเย็นอีก...หวาดเสียวว่าจะโดนรถจักรยานยนต์ชนเสียเหลือเกิน

สภาพการจราจรที่ว่าเกิดขึ้น ณ สี่แยกที่เกิดเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันนั่นแหละค่ะ
เมื่อเป็นสี่แยก ก็ต้องมีสัญญาณไฟจราจรทั้งหมดสี่ทิศ
แน่นอนว่าการฝ่าไฟแดงเนี่ย มันก็เป็นอะไรที่ส่วนตัวเจ้าของบล็อคแล้วก็ทำเป็นบางครั้งเมื่อตอนเรียนอยู่ภูเก็ต (แบบว่าพี่เขาคันใหญ่กว่าฝ่าไป น้องคันเล็กๆ น้อยๆ ก็ขอตามติดไปด้วยนะ อิอิ) แต่สภาพของที่นี่คือ "คันเล็กคันใหญ่ ไฟกูจะแดงหรือไม่ กูไม่รู้กูไม่สน กูจะไป!!" เอาล่ะสิพอเป็นแบบนี้มันก็ติดกันหมดสิคะคู๊ณ นึกภาพว่ารถเยอะขนาดไหนให้คิดเสียว่าเป็นเวลาเลิกงานของคนกลุ่มนึง ขณะเดียวกันก็เป็นเวลาออกหาที่ทางรับประทานอาหารเย็นด้วย (เยอะแบบคูณสองอ่ะ) ติดกันอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงได้...แน่นอนว่าไปร่วมชะตากรรมติดกับเขาด้วย แต่ไม่ใช่ "รถติด" นะ แต่เป็น "ติดรถ" ไม่มีช่องให้เดินเลยพับผ่าสิ แล้วพอเราจะเดินผ่านด้านหน้ารถมันนะ มันบีบแตรใส่ (อ่าวเฮ้ย...ถึงกูไม่เดิน เอ็งก็ไปไม่ได้อยู่ดีแหละวะ จะบีบหาอะไรของเมิ๊งงงง!!!)

บ่นๆ เรื่องสภาพการจราจรไปแล้วก็มาถึงเมนูวันนี้ (อันที่จริงสามวันละ ฮ่าๆๆ)
เอิ่ม...ลืมถ่ายรูปไว้น่ะจ๊ะ ไว้เอารูปลงให้วันหลัง
เมนูที่ว่าคือ "ตามซ๊าก" (คนเวียดนามเขาเรียกงั้น) ลักษณะเป็นขนมปังวงกลมที่ถูกแบ่งสี่ แล้วผ่าตรงกลางไว้ใส่ไส้ ไส้ที่ว่าก็มี แตงกวา กระหล่ำม่วง หัวหอม ผักกาด(น่าจะนะ) แล้วก็เนื้อหมูหั่นบางๆ ราคาอยู่ที่ 18.000 VND - 38.000 VND แล้วแต่ร้านจ๊ะ (ร้านที่กินอยู่ขาย 20.000 VND เทียบปริมาณ รสชาด และราคาแล้วถือว่า "คุ้มมาก" อิ่มเหมือนทานข้าวไปมื้อนึงเต็มๆ แถมอยู่ท้องด้วยล่ะ)
รู้สึกว่าที่เมืองไทยก็มีนะ ส่วนเรียกว่าอะไรนั้นไม่ทราบเหมือนกันจ๊ะ มีใครทราบก็บอกหน่อยนะ ^^

และอีกเมนูที่ไปทดสอบรสชาดกันมาเมื่อตอนเที่ยงวันนี้ (ตามซ๊ากทานเมื่อตอนเย็นจ๊ะ หงุดหงิดรถติดมาก เลยลืมถ่ายรูปกันเลย แหะๆ) คือ เคเอฟซี!!!
รสชาดถือว่าผ่านเลยแหละ อร่อย และถึงรสเหมือนที่เมืองไทย (ตอนแรกลุ้นแทบแย่ว่าจะรสชาดออกมาแปลกๆ ไม่คุ้นเหมือนที่มาเลเซียหรือเปล่านะ) แถมเขามี Burger day ลดราคาเมนูเบอร์เกอร์กับทาร์ตไข่ในวันอังคารของทุกสัปดาห์ด้วยแหละจ๊ะ ถึงงั้นคนเวียดเขาก็ประหยัดกัน ร้านเลยไม่ค่อยแน่นเหมือนที่เมืองไทย (เชื่อสิถ้ามีวันรถราคาแบบนี้ "แน่นตายหอง" เลยพี่ไทยเราอ่ะ)

เริ่มง่วงนอนแล้วสิคะเนี่ย...งั้นก็ Au revoir, a demain ก่อนนะคะ ไว้หนหน้าคิดว่าจะอัพเป็นบล็อคเนื้อหาเรียนภาษาฝรั่งเศสแยกอีกบล็อคนึง อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ ^^

Wednesday, November 23, 2011

Français?...Français!!

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
วันเปิดปีการศึกษาของ IFI !!
มีการปฐมนิเทศน์ประจำปีการศึกษาคล้ายๆ กับของประเทศไทยเลย
มีการกล่าวถึงนักเรียนคลาสต่างๆ ที่มาเรียนในเทอมการศึกษานี้ด้วย (แน่นอนว่าเขาว่า "เป็นครั้งแรก" ที่มีนักเรียนจากประเทศไทยมาเรียนกับเขาด้วย และเขารู้สึกยินดี อยากให้ปีต่อๆ ไปมีนักเรียนจากไทยมาอีกเยอะๆ เพราะเขาจะได้ขยายฐานตัวแทนมหาวิทยาลัยในเครือของ Francophonie ในไทยเยอะๆ
หลังกล่าวเปิดปีการศึกษาเป็นที่เรียบร้อยก็มีค็อกเทล (พักเบรค) ให้ทานกันเล็กๆ น้อยๆ (เพื่อนจากมาดากัสก้าชอบน้ำเสาวรสมากๆ เลยล่ะ กินไปหลายแก้วเลย) เสร็จแล้วก็เป็นการพรีเซ็นต์ขององค์กร หรือบริษัทที่เขาสนใจที่จะรับนักเรียนจาก IFI เข้าไปทำงาน หรือฝึกงานร่วมกับเขา (เริ่ดมากค่ะ หน้าฝรั่งแต่พูดเวียดนามชับพรึ่ด)

วันนี้ก็ได้พบเพื่อนชาวลาวอีกสองคนที่มาถึงเมื่อวาน (จริงๆ เจอเมื่อวานน่ะแหละ แต่ค่ำละ...ขี้เกียจจะอัพใหม่ โอนวันสักนิดแล้วกันเน๊อะ)

พระเอก (หรือนางเอก) สำคัญในวันนี้จะหนีไปไหนได้นอกเสียจากคลาสเรียนฝรั่งเศสวันแรก...ย้ำวันแรก แต่เจอมาแบบว่า "เหมือนกูวิ่งได้แล้ว"
อาจารย์ที่สอนไม่รู้เรียบเรียงเนื้อหามายังไง สอนถามชื่อ (Comment tu t'appelle?) กับสัญชาติ (Quelle est ta nationalite?) ก่อน แล้วค่อยสอนตัวอักษร บอกตรงๆ เลยว่า "กูงง" มากๆ
หนังสือที่แจกมาก็ห้ามไม่ให้ขีดเขียนอะไรลงไป ทีนี้ก็ต้องเอาไปถ่ายเอกสารอีกทีนึง ค่าถ่ายเอกสารหนนี้สองเล่มก็ 56.000 VND (เยอะกว่าค่ากินข้าววันนึงอีก อ๊ากกกกก)
กลับมาก็เลยต้องหาอะไรทวนๆ และหาหลักการจับเคล็ดการอ่านกับออกเสียงให้ได้สักนิด พอหาๆ ได้สักพักนึง...อ่าว อินเตอร์เน็ตหลุด (อะไรของเมิงเนี่ยยยยย 15$ ของเมิงทำไมแค่ต่อเน็ตมันต้องหลุดบ่อยๆ ด้วยวะห๊ะ)

ตอนนี้ได้สังเกตเห็นว่า "เพื่อนสนิทคนไทย" หายไป?!@#
เพื่อนสนิทที่ว่าไม่ใช่ใครอื่นไกล นั่นคือเจ้า "แมลงสาบ" ที่ไม่ว่าเราจะย้ายไปไหน จะเชิญหรือไม่เชิญ จะฉีดยาอะไรมากมายก่ายกองแค่ไหน พี่แกก็จะแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนเราตลอดเลยทีเดียว
เหตุที่สงสัยนี่ก็ไม่ใช่อื่นไกล แค่เห็นว่า "สะอาด" ของเขา ยังไงมันก็ไม่เท่า "สะอาด" บ้านเรา แต่แหมๆๆๆ มาอยู่เวียดนามก็ได้ห้าวันแล้ว แต่ไม่เห็นเลยสักกะตัวนึง ไม่ว่าจะเป็นในห้องน้ำ ตามท้องถนน หรือแม้แต่คูน้ำ ก็ไม่เห็นมีแวะเวียนออกมาเดินเล่นให้รถเหยียบหรือให้คนไล่ตี ไล่กระทืบเลยแหะ...หรือแมลงสาบจะจำศีลช่วงอากาศเย็นด้วยเหรอ??

เหนื่อยกับการออกเสียงเหลือเกินวันนี้ โดยเฉพาะไอ้ตรง comment อ่านยังไงว้า "กงมอง" อ่านจะเป็น "คอมเม้น" ตลอดเลย จนได้มาลองหาดูในหนังสือก็เลยถึงบางอ้อ ว่า "om" น่ะ ออกเป็น "อง" และ "en" ก็ออกเสียง "ออง" ....อย่างงี้นี่เอง

ว่าแล้วก็ขอตัวไปหัด comment tu t'appelle?  comment vous appelle vous?  Quelle est ta nationalite?กันก่อนดีกว่า...พรุ่งนี้เริ่มสตาร์ทคลาสตอน 8.30 น. อีก..เอ้อ มึนๆๆ

Tuesday, November 22, 2011

หนึ่งวันก่อนเปิดเรียน (โอ้ว จะได้เรียนแล้ว)



เช้าวันนี้ ณ ถนน Tạ Quang Bửu เขต Hai Bà Trưng ในกรุง Hà Nội อากาศค่อนข้างจะเย็น (แต่แบบนี้ที่ไทยก็เรียกว่าหนาวแล้ว) ตื่นเช้า...หรือเปล่านะ เพราะว่าไม่มีแดดส่องเข้าห้อง ประกอบกับเป็นวันหยุดชดเชยวันครู (เมื่อวาน) เลยไม่ค่อยมีเสียงแตรรถหนวกหูเสียเท่าไรนัก


พรุ่งนี้ก็จะเริ่มเรียนกันแล้ว แต่ยังไม่ได้เจอเพื่อนชาวลาวอีกสองคนที่จะมาถึงวันนี้เลย...ถึงอย่างนั้นก็ดูเพื่อนๆ ไม่ได้กังวลหรือเป็นห่วงอะไรกับสองคนที่ยังมาไม่ถึงเท่าไรนัก


วันนี้ได้เอาหนังสือเรียนไวยากรณ์ภาษาฝรั่งเศสไปถ่ายเอกสาร (คนลาวมีหนังสือไทย พี่ไทยก็เลยยืมถ่ายซะหน่อย) ค่าถ่ายเอกสารสองเล่ม 760.000 VND ก็ตกแล้วเล่มละประมาณ 45-50 บาทได้


ด้วยความที่วันนี้อากาศเย็นกว่าวันก่อนๆ ก็เลยมีอาการปวดหัวตัวร้อนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับตอนเย็น...ทานข้าวเสร็จก็ทานยา นั่งเล่นนอนเล่นอีกสักพักก็รู้สึกดีขึ้น


อาหารวันนี้ที่ได้ลองกินเขาเรียก "แหนมเนือง"
แต่หน้าตาแหนมเนืองไม่เหมือนที่เห็นแถวบ้านเลย...งงดี

พรุ่งนี้มี..เอิ่ม เหมือนจะเรียกว่า ปฐมนิเทศน์ มั้งนะตอนเก้าโมงเช้า และเริ่มเรียนตอนบ่ายโมง นี่ก็หกโมงครึ่งละ ขอตัวไปจัดการเตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้กันก่อน ไว้พบกันใหม่เมื่อมีการอัพบล็อคแล้วกันน่ะ ฮ่าๆๆๆ

แหนมเนืองที่นี้เขาทำจากไข่ล่ะ




หน้าตาตอนทำเสร็จแล้ว
เสิร์ฟแล้ว ทานได้เล้ย!!!

Monday, November 21, 2011

...จงรอจนกว่าจะถึงวันนั้น...

อากาศเวียดนามวันนี้ค่อนข้างจะเย็น (บอกว่าหนาวไม่ได้ เพราะว่าถ้าหนาวมันจะหนาวกว่านี้อีก...แอ๊ะ หรือหนาวเพราะเปิดแอร์วะ) ตอนนี้ได้นอนเล่นอินเตอร์เน็ตในห้องแล้ว เพราะเพื่อนที่ได้อยู่ห้องสองคนเขาย้ายออกไปอยู่หอพักคนลาวเมื่อตอนประมาณสิบโมงได้

สภาพในห้องน่ะเหรอ...เอาคร่าวๆ แล้วกันนะ
ราคาห้องพักห้องนี้ก็ตกที่ 15$ ต่อห้อง (ให้คนไปถามให้ว่าถ้าเป็นเดือนคิดยังไง พี่แกก็เอา 15x30 แม่งเลยได้ 450$ แพงชิบหอง) มีแอร์ พัดลม ตู้เย็น โทรทัศน์ (ช่องเวียดนามทั้งนั้น แถมไม่มีไรน่าสนใจน่าดูเล้ยยยย)



พัดลมหนึ่งตัวที่ว่าในห้อง...มีฝุ่นติด้วย
ดูแล้วน่าจะเก่าได้ที่เชียวแหละ




อันนี้เป็นแอร์ (เก๊าเก่า) อย่างมากอีกตัวนึง เหอๆๆ








โทรทัศน์ ตู้เย็น และตู้เสื้อผ้า....และนี่วิวจากหน้าต่าง ดูแล้วมันมีอะไรเหมาะสมกับราคา 15$ ต่อห้องมั่งวะ?






และสดๆ ร้อนๆ เมื่อสักครู่นี้มีชาวลาวที่เขามาอยู่ก่อนแล้วสองปีพาเดินไปดูตลาด (ซุปเปอร์มาร์เก็ตบ้านเราน่ะ แต่อาจจะเหมือนซุปเปอร์ชีพ...ใครไม่รู้จักให้ไปดูที่ภูเก็ตนะ) บางอย่างก็แพง บางอย่างก็ถูกเหมือนบ้านเราน่ะแหละ แต่เสื้อผ้าแพงมากกกกกกก ตกตัวนึงก็ต้อง 200.000 VND ขึ้นไปแน่ะ

ขากลับจากตลาดก็แวะร้านขายของชำ (ประมาณนั้น) หันไปเห็นแมวสองตัวกำลังนอนหลับสบายอยู่ในกรง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเลี้ยงไว้เล่น หรือเลี้ยงไว้กิน =.=

สำหรับเย็นวันนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรเป็นพิเศษ เพราะคิดว่าคงไม่ทานข้าวอะไรอยู่แล้ว อาจจะมีออกไปซื้อน้ำกับขนมปังไว้ทานสักนิด อิอิ

งั้นจบเวียดนามของวันนี้ไว้เท่านี้เลยแล้วกันน่ะ อากาศเย็น เริ่มมีอาการภูมิแพ้แล้ว น้ำมูกย้อย...ขอนอนพักก่อนน้อ จ๊วฟฟฟ

Sunday, November 20, 2011

ถึงเธอ...ประเทศไทยที่รัก

วันที่สอง คืนที่สามในเวียดนามวันนี้...เหนื่อยเหลือเกิน
เหนื่อยกับการเดินทางไปดูบ้านเช่า ขนาดความสูง 3 ชั้น...แต่แปลกใจจริงๆ ทำไมห้องน้ำชั้น 2 ถึงไม่มีหลังคา และห้องนอนชั้น 3 ที่มีหน้าต่างก็สามารถเปิดออกไป say hello ทักทายคนที่เข้ามาทำธุระในห้องน้ำข้างล่างได้??? ส่วนราคาของบ้านเมื่อหารแล้วก็พอใช้ได้อยู่ แต่ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟนี่สิ แถมเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ก็ไม่มีเสียด้วย เลยตกลงตัดสินใจว่าจะอยู่ที่หอพักใกล้ๆ ห้องพักชั่วคราวนี้

ถึงอย่างนั้นก็มีเหตุให้ต้องใช้จ่ายเงินจำนวนค่อนข้างมากสำหรับห้องพักชั่วคราวอีก เพราะวันอาทิตย์ (พรุ่งนี้) เป็นวันครูของเวียดนาม ส่วนวันจันทร์ก็ดูเหมือนว่าจะหยุดชดเชยอีก กว่าเจ้าของหอพักจะมาดูห้องให้ได้ก็ปาเข้าไปวันอังคาร รวมๆ แล้วใช้จ่ายกับห้องชั่วคราวไปก็เกือบ 60$ เลยทีเดียว (แปลกดีว่าหอพักมีวันหยุดด้วย ไม่เหมือนที่ไทยนะ มาตอนไหนก็ได้ ยิ่งมาเร็วยิ่งดี)

ข้าววันนี้ทานไปทั้งหมดหนึ่งมื้อ (ข้าวเยอะมากอ่ะ กินกันอิ่มข้ามมื้อเลย) ณ โรงอาหารของหอพักนักศึกษาลาว และได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ชาวลาว (แต่ตอนนี้ลืมไปแล้วว่าชื่ออะไร แหะๆ) ดูๆ ไปแล้วชาวลาวก็คล้ายๆ กับคนอีสานของไทยนะ แต่จะขาวกว่าหน่อย เท่าที่สังเกตดูแล้วจะมีคนลาวค่อนข้างมากทีเดียวที่มาเรียนในเวียดนาม แต่แทบจะไม่มีคนไทยเลยที่มาเรียนเวียดนาม ส่วนมากถ้ามาก็จะมาเที่ยวกัน อาจจะเป็นเพราะลาวอยู่ติดกันเลยกับเวียดนาม และคนเวียดนามไม่ค่อยพูดอังกฤษด้วย (ได้คุยกับนักเรียนเวียดนามคนนึง เขาว่าเขาพูดภาษาฝรั่งเศสได้ แต่ภาษาอังกฤษค่อนข้างยาก เพราะออกเสียงคล้ายๆ กันแล้วจะงงว่าตัวเองพูดภาษาอะไรอยู่กันแน่) ส่วนสาเหตุที่ไม่ค่อยมีคนไทยมาเรียนนัก...คิดว่าคงเพราะบ้านเราสบายกว่า ขนาดมาแค่สามวันสองคืนยังคิดถึงประเทศไทยเลย เพราะสะดวกกว่าและสบายกว่ากันด้วย อาหารก็มีให้เลือกมากมายกว่า ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าจะเป็น "กอนจอ" หรือ "กอนแมว" (เนื้อหมา กับ เนื้อแมวในภาษาเวียดนามจ๊ะ) จะว่าไปเนื้อหมูเองก็มีกลิ่นแปลกๆ เหมือนไม่ค่อยสะอาดเท่าไรเลย

ตกเย็นเพื่อนชาวลาวก็ชวนไปกินข้าว แล้วพูดขึ้นมาทำนองว่า "อยู่เวียดนามระวังเป็นริดสีดวงนะ" ก็งงว่าทำไมต้องริซซี่ นั่นเพราะอาหารของที่นี่เขาไม่ค่อยมีผักเท่าไรเลย ถ้ามีก็ผัดผักน้ำมันย้อยได้อีกนะเออ

เอาล่ะ วันนี้เหนื่อยมาก ง่วงนอนมากด้วย ขอแปะเอาไว้เท่านี้ก่อน
สำหรับภาระกิจพรุ่งนี้คือการขอย้ายจากห้องเดี่ยว มานอนห้องคู่กับเพื่อน(หนึ่ง) เพราะสบายกว่า และที่สำคัญ "เปิดประตูห้องไว้ เน็ตก็เข้าถึงในห้อง" ฮ่าๆๆๆ (กูจะบ้าตาย)

Saturday, November 19, 2011

ผ่านไปอีกหนึ่งวันในเวียดนาม...เฮ้อ เหนื่อย

ณ เวียดนามวันนี้
ได้เจอกับเพื่อนๆ ที่จะมาเรียนภาษาฝรั่งเศสในคอร์สเดียวกันอีกสามคน
ได้รู้จักกับสาวเวียดนามที่เรียนอยู่ก่อนแล้วในคอร์สภาษาฝรั่งเศส (เรียนก่อนประมาณเดือนนึง) หน้าตาก็น่ารักดี นิสัยนั้นยังไม่รู้ เพราะคุยกันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง (ฮ่าๆๆ)
เรื่องสำคัญที่ได้ไปจัดการวันนี้คือเปิดบัญชีธนาคารสำหรับทุนที่จะได้ทุกเดือน...เอิ่ม เอกสารคุณพี่เขาดูแล้วเหมือนจะมีแต่ซับเวียดนามนะ ไม่มีซับอังกฤษกันเลยทีเดียว หลังจากเดินเรื่องทำการเปิดบัญชีเรียบร้อย ต่อไปก็เป็นเวลาของห้องสมุด!!! (ที่มีแต่หนังสือฝรั่งเศสเสียเป็นส่วนใหญ่) ห้องสมุดของ IFI ไม่ใหญ่มากนะ แต่มีหนังสือที่ผ่านการเลือกสรรค์มาแล้วอยู่เยอะเชียวแหละ พอทำบัตรห้องสมุดกันเสร็จเรียบร้อย ทีนี้ก็ได้เวลาไปดูที่พักแบบระยะยาวกัน ซึ่งห้องพักที่ว่าเนี่ยมีอยู่สองตึกๆ ใกล้ๆกัน ตึกนึงเป็นของนักเรียนลาวที่มาเรียนเวียดนาม และอีกตึกจะเป็นที่สำหรับนักเรียนต่างชาติอื่นๆ ที่มาเรียนในละแวกนี้ ราคาก็ 65$ ต่อคน แบบห้องพัดลม และ 75$ ต่อคนถ้าเป็นห้องที่มีแอร์ ย้ำว่า "ต่อคน" ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่ามันแพงนะ ห้องไม่มีอะไรเลย (ถึงมีโทรทัศน์ให้ แล้วจะให้กูดูอาร๊ายยยยย) แต่ดีหน่อยที่เล่นเน็ตในห้องได้ อิอิ (ขาดเน็ตเหมือนขาดใจกันเลยทีเดียว) ที่ว่าแพงน่ะนะ เพราะว่าห้องนึงอยู่ได้ 3 คน...แล้วห้องไม่มีอะไรเลย รวมๆ แล้วหอนางฟ้า (หลังม.อ.ภูเก็ต) ยังจะสบายกว่าเสียอีก แม้เจ้าของหอจะขี้ตืดเรื่องอินเตอร์เน็ตไปสักหน่อยก็เถอะนะ เพื่อนชาวแอฟริกัน (เรียนก่อนแล้วเหมือนจะสองปี) เลยบอกกับพวกเราว่า พรุ่งนี้เวลาประมาณ 10 โมง เขาว่าจะไปหาบ้านเป็นหลังอยู่ จะได้ลดเรื่องค่าใช้จ่าย และสามารถอยู่รวมกันกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้ด้วย เนื่องด้วยรูปทรงบ้านของเวียดนามจะเป็นแบบหน้าแคบๆ (แต่คนเวียดนามหน้าบานๆ อิอิ) และสูงๆ อย่างน้อยก็สองชั้น แต่จะลึกเข้าไป ชั้นนึงๆ ก็มีห้องแค่ห้องเดียวพอดี แยกๆ กันอยู่ได้เป็นชั้นๆ ชั้นใครชั้นมัน เวลาเรียนมีปัญหาก็จะได้ปรึกษาได้ง่ายด้วย ก็นะ...เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้เลยออกสตาร์ทเดินรอบๆ ละแวกนี้ (ไม่กล้าไปไหนไกล พูดเวียดนามกับเขาไม่ถูกนิ๊) เพื่อหาบ้านอยู่กัน ภาวนาให้ได้บ้านดีๆ สักหลัง ราคาพอรับได้ และไม่ไกลจนเกินไปจากมหาวิทยาลัยด้วยเถอะ เหนื่อยเสียงบีบแตรรถของถนนติดห้องพักตอนนี้มากเลย ไหนจะช่วงเช้าที่เปิดเพลงอย่างกับเดินสวนสนามกันอีก (ฝั่งตรงข้ามเป็นเหมือนสนามกีฬาของโรงเรียนอะไรสักอย่าง)

อุ้ยใช่ๆๆ วันนี้ได้ไปลองกินอะไรแล้วน้า...เพื่อนเรียก "เฟอ" ไม่แน่ใจว่าออกเสียงอย่างนี้หรือเปล่า เป็นเส้นหมี่จ๊ะ เหมือนๆ กับเอาขนมจีนเส้นเล็กหน่อยมาทำเป็นบะหมี่ เนื้อหมู ใส่หน่อไม้ดอง (ลุ้นมากเมื่อตอนบ่ายว่าจะท้องเสียกับหน่อไม้ดองหรือเปล่า) ราคาแม่ค้าวันนี้คิด 17.000 VND ตอนเย็นก็ทานเป็นข้าวราดแกง แบบว่าข้าวเยอะมากอ่ะ ราคาก็ 20.000 VND สำหรับพรุ่งนี้คิดว่าถ้าเป็นไปได้คงจะกินแค่บะหมี่ อ้อ..ตอนเช้าวางแผนกันว่าจะลองกินขนมปังอะไรสักอย่างที่เขาขายๆ กัน ดูแล้วก็น่ากินดี

ก่อนกลับจากมหาวิทยาลัย ได้มีโอกาสเจอกับอาจารย์จากม.มหิดล ที่มาสัมนาวิชาการที่มหาวิทยาลัย ดูแล้วอาจารย์ค่อนข้างจะเป็นห่วงเรื่องสภาพที่อยู่มากกว่าความยากของเนื้อหาที่จะเรียนกัน (ฮ่าๆๆ ก็อาจารย์มาเกือบบ่อย และแกเป็นผู้หญิง ก็คงเข้าใจกันแหละนะ ว่ามันค่อนข้างอยู่ยากนิดนึง)

ตอนนี้ก็เกือบๆ ทุ่มนึงแล้ว...เสียงแตรรถดังกันอย่างกับช่วงเวลาห้าโมงเย็นหลังเลิกงานกันอยู่เลย แล้วกว่าจะเงียบลงไปได้ก็เกือบๆ เที่ยงคืนโน่นแหละ
เฮ้อ...ตอนที่นั่งบันทึเนี่ย ต้องใส่ notepad นะ เพราะในห้องเน็ตแทบจะไม่มีสัญญาณเลย ต้องออกไปนั่งเล่นหน้าห้องใครก็ไม่รู้...แล้วไฟทางเดินก็สลัวๆ น่ากลัวนิ๊ >///<
ว่าแล้วก็อย่ารอให้ดึกเกินกว่านี้ ชิ่งออกไปอัพบล็อคแล้วหนีเข้าห้องดีกันดีกว่า

ปล.สภาพบ้านจะเป็นยังไง เดี๋ยวพรุ่งนี้เราได้รู้กัน!!! (จะรอดหรือจะตายเนี่ย T^T)

และแล้วเราก็มาถึง!!!

โอ้ละหนอใครกันบอกว่าสาวๆ ที่นี้สวย
...ใครกันหนอเล่าลือนัก ว่าเมืองงามน่าเที่ยว
แล้วใครอีกเล่า...เล่าไว้ซะดูดี

ยามนี้ได้มาประสบพบเจอ ณ ฮานอย ประเทศเวียดนามด้วยตนเองแล้ว
แม่เจ้า!!! รถขับกัน ขนาดว่านั่งแท็กซี่มา แค่มองดูรถมอเตอร์ไซต์วิ่งกันให้ว่อนก็เวียนหัวจนแทบจะอ้วกกันอยู่แล้ว อยากจะบอกว่ามั่วแบบสุดๆ จริงๆ อ่ะ (เพื่อนๆ คนไหนเคยไปขับรถที่ภูเก็ตแล้วคิดว่ามันมั่วแล้ว ต้องมาเจอที่นี่...ภูเก็ตยอมแพ้แอ๊ะ)

ย้อนกลับไปสักหน่อย ก่อนมาถึงเวียดนาม...ก็ต้องมีการเช็คอิน ณ เคาท์เตอร์ของสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ซะหน่อย
เหตุการณ์ ณ เคาท์เตอร์เช็คอิน (สุวรรณภูมิ) เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด "น้องจะกลับวันไหนคะ"
เอ๊ะ กลับวันไหน? เอาแล้วไง ทางมหาลัยที่ให้มาเรียนก็ติดต่อ ส่งตั๋วให้มาเรียนอย่างเดียวเสียด้วย ไม่ได้บอกว่าจะต้องกลับเมื่อไร และเสร็จคอร์สวันไหน (ฮ่าๆๆๆ มันก็ยังจะกล้าไปเรียนกับเขาอีกเน๊อะ) ว่าแล้วคุณพี่พนักงานก็จัดการโทรตามหัวหน้ามาสอบถามข้อมูล และให้พวกเราสองคนไปปริ้นเอกสารได้รับทุนจากทางมหาวิทยาลัยออกมาพกติดตัวไว้กันเหนียวว่าทางด่านของเวียดนามเขาจะไม่ให้เข้าประเทศ แถมคุณหัวหน้ามีขู่ว่า "ถ้าเขาไม่ให้เข้า พวกหนูต้องซื้อตั๋วขากลับนะคะ ราคาตั๋ว 15,000 นะคะ มีเงินกันอยู่เท่าไรคะเนี่ย"

แหมมมมมมมมมมมมมมม
โดนเหน็บไปแบบนั้น แต่ก็ยังขึ้นเครื่องมาจนได้ ไม่ได้มาเฉยๆ นะ...มาด้วยความหวาดเสียว ตื่นเต้น และลุ้นระทึกเหลือเกินว่าด่านเวียดนามจะให้เข้าประเทศหรือเปล่า
แต่พอลงเครื่องปุ๊บ เอาพาสพอร์ตให้เจ้าหน้าที่ดู...พี่แกก็ไม่ได้ว่า ไม่ได้สอบถามอะไร ปั้มพาสพอร์ตให้ แล้วสองหน่อก็ไปเอากระเป๋า
ปัญหามันเกิดตอนเอากระเป๋าเสร็จจะออกจากสนามบินเนี่ยแหละ เพราะเครื่องลงมาเร็วกว่ากำหนดเวลา...สงสัยว่ากัปตันจะซิ่งไปหน่อย  "หาคนมารับไม่เจอ" จ๊ะงานนี้
นั่งรออยู่นานสองนาน คุณเพื่อนเห็นป้ายแจกแผนที่ฟรี (free map) ก็เลยเดินไปขอ ... เอ่อ เวียดนามไม่มีแผนที่แบบภาษาอังกฤษเหรอฟะ เอาแผนที่ภาษาเวียดนามให้ พวกช้านจะดูกันรู้เรื่องหม้ายห๊าาาา!!!

ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ก็มองเห็นป้ายชื่อของมหาวิทยาลัย (เย้ มีคนมารับแล้ว T^T)
อยากจะบอกว่าจากสนามบิน No Bai มายังเมืองฮานอย และที่พักใกล้มหาวิทยาลัยเนี่ย "ไกลได้อีก!!!"
ด้วยความที่ระยะทางค่อนข้างจะไกล (มาก) คุณคนขับรถแท็กซี่เขาเลยเปิดเพลงให้ฟัง...เอ่อ เพลงเวียดนามพวกหนูฟังไม่ออกหรอกค่ะ แต่คำบางคำมันออกเสียงคล้ายๆ กันในภาษาไทย ทีนี้เวลาฟังไปในหัวก็อัตโนมัติค่ะ เอาเทียบเสียงตัวโน้นทีตัวนั้นที จนฟังดูแล้วเป็นเพลงเหมือนพวกเพลงใต้ดิน แต่งล้อเลียน ฮามาก (อิอิ)
หลังจากเพลิดเพลินกับการผันเพลงในหัวเล่นๆ อยู่สักพักใหญ่ๆ ...พวกเราก็ได้เดินทางมาถึงส่วนที่ (คิดว่า) เรียกว่า "ตัวเมือง" ของฮานอย ที่เต็มไปด้วยบรรดารถจักรยายนต์ และเสียงบีบแตรอยู่แทบจะตลอดเวลา (ตอนนี้ก็ยังบีบกันไม่หวาดไม่ไหว จะอะไรกันนักกันหนาเนี่ย)

ห้องพักชั่วคราวที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้ก็ถือว่าโอเคดีในระดับหนึ่ง แต่ว่า...จะเล่นเน็ตต้องเล่นหน้าห้อง!!!
แล้วค่ำๆ มืดๆ (มืดเร็วมากอ่ะ เวลาประมาณห้าโมงครึ่งตอนเย็นก็มืดตึ๊บละ) ใครเขาจะไปนั่งเล่นหน้าห้องกันละคะคู๊ณณณณณณ =.=
แน่นอนว่าด้วยความสงสัยว่า "จริงหรือที่ในห้องต่อไม่ติด?" และมันก็ต่อไม่ติดจริงๆ ด้วยแหละค่ะ ^^
จะว่าไม่ติดก็ไม่ใช่นะ มันมีติดเป็นพาสเวิร์ด เศร้ายิ่งนัก T^T

อาหารเย็นวันนี้ ทานข้าวคดห่อที่คุณแม่แพ็คใส่กระเป๋ามาให้ค่ะ
เป็นไก่ทอดกับซี่โครงหมูทอด คุณแม่คิดเผื่อไว้แล้ว ใส่ช้อนในข้าวมาให้ด้วย (น่ารักจริงๆ เลย ^_^)
อันที่จริงก็อยากจะลองกินอาหารที่ขายอยู่บริเวณใกล้ๆ นี้แหละนะคะ แต่ว่าดูหน้าตาอาหารแล้วค่อนข้างที่จะมันได้ที่ (เพื่อนว่าเหมือนเอาน้ำมันหมูมาทำอาหารเลย)
สถานที่ที่ไปสำรวจก่อนสิ่งอื่นใดเลยวันนี้ก็คือ "ซุปเปอร์มาเก็ต" ค่ะ ซึ่งมีของพื้นฐานที่จำเป็นต้องใช้อย่างสบู่ น้ำ ขนม ไข่ ปลากระป๋อง ฯลฯ อะไรที่ทานได้แบบไม่ผิดแผกแปลกเกินไปมีครบหมด อ่อ...มีหม้อหุงข้าวด้วยแหละ

จริงๆ อยากถ่ายรูปให้ดูนะคะ แต่สถาพมันค่อนข้างจะดูวุ่นวาย และออกจะอนาถนัก (ฉันเริ่มคิดถึงประเทศไทยที่รักทันทีเลยทีเดียวเมื่อมาถึงละแวกสถานที่พักเนี่ย)
ถ้าหากให้อยู่แบบไม่คิดอะไรมาก ก็คาดว่าอยู่ได้แหละค่ะ แต่อาจจะไม่น่าพิศมัยเหมือนบ้านเรานัก เรียกได้ว่าถ้าเทียบกันแล้ว ประเทศไทยดูสวยงามและน่าอยู่กว่ากันค่อนข้างมากเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่าแหละนะ บ้านเมืองเขากำลังอยู่ใน "ช่วงพัฒนา" ...ดูๆ ไปเสียดายบริการ 3G 4G ที่ทางเวียดนามมีจริงๆ เลย (น่าเอาไปให้บ้านเราแทนอ๊ะ)

ส่วนภารกิจในวันพรุ่งนี้ ต้องเข้าไปหา Alain (ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไรกับฮานอย แต่กับคุณ Alain เรียกได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่น่ารักมากค่ะ อัธยาศัยดี และค่อนข้างที่จะกลัวว่าพวกเราจะหลง หรือไม่สะดวกเหมือนอยู่ประเทศไทยค่อนข้างมากเลยทีเดียว) ตอนประมาณเก้าโมง เพื่อทำความรู้จักกับสาวลาวที่จะมาขอแชร์ค่าห้อง ซึ่งห้องก็จะไปหาดูพรุ่งนี้เหมือนกันค่ะ แล้วก็ติดต่อทำบัญชีเงินฝากสำหรับทุนที่ทางมหาวิทยาลัยจะโอนให้ในสิ้นเดือนด้วย อีกเรื่องคงเป็นเรื่องวีซ่าที่ต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยอีกครั้งนึงด้วย (อย่าให้ถูกส่งกลับนะ...ถ้าถูกส่งกลับ สงสัยจะไม่มาแล้วแหละ ฮ่าๆๆๆ)

ปล.ไว้พรุ่งนี้จะมารีวิวสภาพความเป็นอยู่ของห้องถาวรที่จะต้องอยู่จนเรียนภาษาจนจบ (หรืออาจจะอยู่จนเรียนจบ) ว่าจะดีหรือจะร้ายได้ขนาดไหนกันนะ ^^

Wednesday, November 16, 2011

อีกหนึ่งวันก่อนออกเดินทาง T=T

ใจหายนิดๆเหมือนกันนะ พอรู้สึกตัวก็เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวแล้วที่จะต้องเดินทางจากประเทศไทยไปเรียนในต่างแดน และด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างอาหารการกินและค่าใช้จ่าย (สำหรับเจ้าของบล็อคแล้วมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลยล่ะ มัน "ใหญ่มาก" ส์ ) เมื่อคืนจึงได้ลองหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับอาหารและค่าใช้จ่ายต่างๆ ดู

ผลที่ได้จากการค้นหา...เอ่อ นี่ต้องไปต่อราคากับพ่อค้าแม่ขายที่เวียดนามเขาด้วยเร๊อะ!!!
ช็อคเล็กๆ ค่ะ เพราะปกติแล้วเป็นคนซื้อของไม่ค่อยจะต่อราคาเสียด้วยสิ แต่ถ้าเจอก๋วยเตี๋ยวที่คนในพื้นที่กินกัน 5,000 - 7,000 ดอง แล้วเราต้องจ่ายถึง 20,000 ดองนี่ก็ไม่ไหวหรอกนะ (กะจะฟันกันให้หัวกระเด็นเลยใช่ป่ะเนี่ย =.=)

อ่านๆ ไปพบประเด็นที่น่าสนใจที่ว่า "ซื้อของแบงค์ใหญ่ ไม่มีเงินทอน"
เอิ่มมมม แบบนี้ต้องพกเงินอย่าใหญ่เกินไปใช่ไหมเนี่ย
แล้วเวลาแลกเงินจาก USD เป็นดองน่ะ แลกได้นะ แต่ถ้าแลกจากดองกลับเป็น USD เขาว่ากันว่าอภิมหาแห่งความขาดทุน กดราคาแหลก!!!

แต่ยังไงซะ ที่กล่าวไปข้างบนนั้นก็ฟังๆ อ่านๆ ประสบการณ์ของคนอื่นๆ มาทั้งนั้นแหละค่ะ ของจริงจะได้เจอก็อีกสองวัน (เดินทางวันที่ 17 ค่ะ ถึงตอนประมาณบ่ายสองโมง) ทีนี้แหละจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองว่าคำกล่าวที่หลายๆ คนเขาเดินทางไปเที่ยวกันว่าไว้นั้น "จริงอยู่" สำหรับตอนนี้หรือเปล่า

ปล. ถ้าถ่ายภาพได้ก็จะอัพลงนะ แต่ใน feedback ตามอินเตอร์เน็ตเขาว่าบางที่ไม่สามารถถ่ายรูปได้ และถ้าเผลอไปถ่ายในสถานที่ที่เขาไม่ชอบการถ่ายรูปเนี่ย เขาจะทำหน้าตาท่าทางแปลกๆ และมองเราแปลกๆ ด้วยแอ๊ะ !!

Monday, November 14, 2011

ใกล้วันออกเดินทางแล้ว!!!

จากเด็กใต้ติดแดนระเบิด เดินทางไปเหยียบย่างพื้นน้ำและพื้นทรายของไข่มุกอันดามัน จนตอนนี้จะได้ไปไกล (นิดนึง) ถึงสถานที่ซึ่งไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนว่าจะได้ไปในฐานะนักเรียนทุน @-@ และตอนนี้ก็ใกล้วันออกเดินทางไปยังประเทศที่หนุ่มๆ ไทยเขาว่า"สาวสวย" หนนี้แหละจะได้ไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง

จะว่าไปแล้วก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 3 วันสำหรับการเตรียมตัวเดินทาง...(กระเป๋าเอย ของเอย ไม่ได้จัดสักอย่าง) แรกๆ ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่พอยิ่งใกล้วันก็ยิ่งตื่นๆ งงๆ ทำตัวไม่ค่อยถูกเอาเสียเลย ไหนจะเรื่องที่พัก สกุลเงินใช้จ่ายที่แตกต่างกัน แล้วเจ้าเวรเจ้ากรรมเรื่องภาษาที่ใช้อีก (หลายคนคงสงสัยว่ายากยังไง ก็มันเป็นภาษาฝรั่งเศสอ๊ะ...เขาม่ายเคยเรี๊ยนนนนนน!!!)

การเตรียมตัวตอนนี้ความก้าวหน้าถือว่าอยู่ในระดับ 5% (มีเก็บลังใส่ของแล้วหนึ่งลัง) และก็คิดอยู่ว่าคงจะเตรียมตัวได้แน่ๆ ถ้ามานั่งทำบล็อคอยู่แบบนี้...แหม ก็คนมันอยากทำมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะทำเกี่ยวกับอะไรดีนี่นา ว่าแล้วตอนนี้ก็จัดการเรื่องเครื่องคอมกันก่อนเลย เพราะสถาบันที่จะไปเรียนนี้เขาใช้ ubuntu กันค่ะ

ว่าแล้วก็ขอตัวอัพไว้เท่านี้ก่อน เดี๋ยวจะเตรียมของไม่เสร็จแน่ๆ >//< แว๊บๆๆ