Friday, December 23, 2011

This isn't bad day...but very very bad day!!

อ๊ากกกกกก เหนื่อยที่สุด!!!
จะมีวันไหนในเมืองฮานอยเหนื่อยขนาดนี้อีกไหมเจ้าคะ
...เหมือนอยากจะกรี๊ดดังๆ ที่กลางถนน แต่กลัวรถมอเตอร์ไซต์จะตกใจแล้วชนกันเสียก่อนเนี่ยสิ

เหตุการณ์วิปโยควันนี้มันบังเกิดขึ้นจากจดหมาย EMS จากบริษัทรับฝากของระหว่างประเทศจากไปรษณีย์ไทยมายังเวียดนาม...มันส่งมาเมื่อวานซืนนี้ แน่นอนว่าของของใคร ใครก็หวง ก็ห่วง อยากได้มาไว้กับตัวให้เร็วที่สุด และเมื่อได้สอบถามจากศูนย์รับส่งของใกล้ๆ Bach Khao ตรงถนน Ta Quang Buu ...คุณพนักงานก็เขียนทีอยู่ของบริษัทที่ส่งไอ้จดหมาย EMS นี่มาให้ เมื่อได้ที่อยู่แล้วเราก็หาเวลาไปรับของซึ่งก็คือวันนี้ประมาณ 10 โมงครึ่ง

ที่ตั้งของบริษัทเจ้ากรรมที่ส่งจดหมายมาเนี่ยอยู่ในเขต Tu Liem (สงสัยล่ะสิว่าเขตไหน) มีหลายคนถามแซวมาว่า "ไง ได้กินเนื้อหมาแล้วยัง? อร่อยไหม?" หากอยากทราบคำตอบของคำถามนี้ให้ลองมาเขตที่ว่านี้ดู เพราะเป็นแถบที่เขา "กินหมา" กัน (นั่งรถผ่านตลาด เห็นนอนอยู่บนแพงตรึมเลย)

เมื่อไปถึงยังบริษัทที่ว่า...ไอ้คุณยาม (ขอเรียกเมิงอย่างงี้ เพราะเมิงพูดอังกฤษไม่ได้ แถมยังบอกทางไม่ถูก อีกทั้งยังทำพี่เบ่งใส่กุอีก อีxxx) มันไม่ยอมให้เข้าไปสอบถามคนด้านในที่เคาต์เตอร์ และไอ้คุณยามอีกคนที่อยู่ตู้ กูถามอะไรมันก็ตอบแต่ yes yes ...กูให้เลือกว่าไอ้ที่ใหญ่กว่าเมิงเมื่อกี้อ่ะมันเขียน 26 หรือ 216 เมิงก็ yes yes แล้วมันตรงคำถามไหม๊ห๊า???

แน่นอนว่า ณ จุดๆ นั้น...ถ้าอากาศร้อนแบบเมืองไทย สงสัยได้ตบกับยามไปแล้ว =.=
...คือไม่เข้าใจน่ะ คุณทำบริษัทรับส่งของระหว่างประเทศ แต่คุณไม่มีคนพูดภาษาอังกฤษได้...แล้วคุณจะเปิดบริษัทระหว่างประเทศไปหาอะไรเนี่ยยะ

ทั้งสองหน่อเลยอาศัยเดินทางไป ถามทางไป...
....แต่ไม่เข้าใจว่าคนเวียดนามเนี่ยเขารู้จักเมืองเขาหรือเปล่า?
ก็เข้าใจนะ ว่าคนเราไม่ได้จะรู้จักเมืองทั้งหมดของตัวเองหรอก...แต่ถ้าไม่รู้ก็ควรจะบอกว่า "ไม่รู้" สิ เดี๋ยวก็ชี้บอกไปทางนี้ อีกคนก็บอกไปอีกทางนึง ขนาดถามคนขับแท็กซี่...มันยังบอกกูว่า "ไม่รู้" เลย!!

ในระหว่างที่งมหาทางตามที่อยู่ที่ไอ้คุณยามมันเขียนมาให้...
อยู่ดีๆ ก็มีคุณลุงคนนึงเข้ามาบอกว่าไปทางโน้น ทางนี้....สักพักบอกขึ้นรถลุงสิ
...อ่าว ลุงเป็นมอเตอร์ไซต์รับจ้างเหรอคะ? พวกหนูจะถามทางเฉยๆ ไม่ได้จะไปกับลุงนะ (เว้ยเฮ้ย)!!

...ความเหนื่อยของวันนี้ยังไม่สิ้นสุดลงเพียงแค่การหาทางไปเอาพัสดุไม่เจอเท่านั้น (ตอนนี้แก้ปัญหาได้แล้ว โดยโทรไปหา call center ของบริษัท นั่นก็วิ่งหาคนพูดอังกฤษให้ควั่กเหมือนกัน...เฮ้ออออ) เมื่อตกเย็น ประมาณ 5 โมงเห็นจะได้ ได้มีโทรศัพท์จากศูนย์ ASUS ที่คุณเมทของเรา (แม่หนึ่ง) ได้นำโน๊ตบุ๊คไปส่งซ่อมไว้โทรมาแจ้งว่าซ่อมเสร็จเรียบร้อย สามารถมารับเครื่องได้ ด้วยความดีใจ...ทั้งสองเลยได้นั่งรถแท็กซี่ไปนำโน๊ตบุ๊คกลับมา...

เหตุมันเกิดก็ไอ้ตอนเนี่ยแหละ...นั่งๆ ไปยังไม่ทันจะถึงที่หมาย
อีกทั้งรถแมงกะไซต์เยอะแยะมากมายอย่างกับฝูงมดคลานอยู่ทั่วทั้งท้องถนนและโซนฟุตบาท
...รถดับ!!...สตาร์ทก็ไม่ติด (งานงอกสิคะหนนี้) ลงเดินค่ะ....กว่าจะฝ่าฝูงรถทั้งหลายทั้งแหล่ไปได้ เล่นเอามึนควันรถกันเลยทีเดียวเชียว

โชคยังดีหน่อย ที่ตอนกลับรถไม่เสียอีก (นะ) ....ณ ตอนนี้คุณแม่หนึ่งก็กำลังตั้งหน้าตั้งตาแทะเมล็ดทานตะวันระหว่างรอลงวินโดว์ให้กับ ASUS ลูกรักของแม่แกอยู่ (ฮาร์ดดิสเสีย ทางศูนย์เลยทำการเปลี่ยนฮาร์ดดิสให้ใหม่เพราะยังอยู่ในประกัน)

ส่วนตัวคนอัพบล็อกตอนนี้...สภาพ "ไม่ไหวแล้ว" ขอตัวอำลาไปก่อน "เหนื่อยมว๊ากกก"
ไหนจะเดินกันขาลาก...บอกทางให้เดินวนไปวนมา...คุยไม่รู้เรื่องก็ยังจะคุยอีก (ทำไมถึงคิดว่าคนต่างชาติมาบ้านมันแล้วต้องพูดภาษามันได้หมดทุกคนด้วยเหรอวะ?)

ขอลา...สวัสดี...ไว้เท่านี้...สำหรับวันนี้ เอย

Monday, December 12, 2011

นี่สินะ...feeling ของหมูแช่แข็ง!!

เมื่อสมัยเด็กๆ (ตอนนี้เริ่มมีอายุละ) ตอนที่ยังอยู่ประเทศไทย...ก็ได้เรียนรู้และเข้าใจความรู้สึกของ "หมูแดดเดียว" ว่ามันร้อนขนาดไหนเวลาที่โดนตากแดด =0=

และเคยคิดว่าอากาศที่ภูเก็ตช่วงหน้าฝนนั้น "หนาวมาก" แล้วสำหรับบุคคลคนนี้...หากแต่มาจนบัดนี้ ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมหมีถึงได้จำศีลในช่วงหน้าหนาว ไขมันก็มี ขนก็หนา หนาวแค่นิดเดียวทำไมต้องหลบอยู่ในถ้ำ...เข้าใจและซึ้งในสิ่งที่หมีทำก็ตอนนี้แหละ (เพื่อนๆคนไหนที่อยู่ทางเหนือคงจะมีประสบการณ์เรื่องอากาศหนาว แต่ตัวผู้เขียนไม่เคยไปถึงหรอกทางเหนือน่ะ อยู่แต่ทางใต้เนี่ยแหละจ๊ะ)

สภาพอากาศตอนเช้า....
....ยามเมื่อโผล่เส้นผมออกมาจากผ้าห่มที่ซุกตัวนอนไว้ดุจดั่งรังไหมคอยให้ความอบอุ่น....พลันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างฉับพลันโดยไม่ต้องผ่านเซลล์สมองเลยว่า "หนาวว่ะ (มุดกลับเข้าผ้าห่ม)" แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องตื่นออกจากสถานที่อันแสนอุ่นกาย เพื่อที่จะไปเรียน และเมื่อนึกได้อย่างนั้นก็เอามือทั้งสองข้างโหล่ออกมา ทันใดนั้นก็ซุกมือกลับเข้าผ้าห่มอีกรอบ (ก็คนมันเย็น) จากนั้นก็นอนซุกอยู่กับที่ต่ออีกเป็นเวลา 15 นาที ก่อนที่จะรีบเอาผ้าห่มออกจากตัวอย่างเร็ว (ถ้าค่อยๆ เดี๋ยวจะมุดกลับเข้าไปอีกอย่างไม่ต้องคิดอะไรเลย)

เมื่อสามารถนำหัว แขน และลำตัวท่อนบนออกมาจากผ้าห่มได้แล้ว...ก็จะนั่งเอ๋อด้วยความที่อากาศเย็นมากสมองเกิดการตีบตัน เลือดเดินผ่านได้ค่อนข้างจะลำบาก และกำลังประมวณผลว่าจะ "อาบน้ำ" หรือ "ไม่อาบน้ำ" ดีนะ...(คุณเมทชาว"เช็ค"เองก็ไม่ค่อยได้อาบน้ำเสียเท่าไร ฉีดๆ น้ำหอมดับกลิ่นเอา) ซึ่งโดยส่วนมากแล้วก็จะอาบน้ำก่อน แบบว่าอาบน้ำอุ่นแล้วมันสบ๊ายสบายจริงๆ นะเออ อาบน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาชงกาแฟร้อนๆ ทานสักถ้วย (อยากจะทานแบบ "ร้อนๆ" แต่ตั้งเผลอไว้แปปเดียว...เย็นซะละ)

พอเสร็จภารกิจก็เดินออกจากห้อง...ยามลมน้อยพัดมาอย่างอ้อยอิ่ง กระทบถูกปลายเท้า ใบหน้า และมือ...แหมมมมมมมมมมมม อยากจะหัวเราะเป็นภาษาอิสราเอล (ความรู้สึกแบบบรรยายไม่ออก บอกไม่ถูก เรียกได้ว่าอยากจะเป็นพี่ปั๊ป-POTATO กันเลยทีเดียวเชียว) อยากจะมุดกลับผ้าห่มแล้วหายตัวไปในนั้นเสียเลย...ถึงว่าสิทำไมหมีที่มีไขมันหนา (อ้วนเหมือนกัน) แถมยังมีขนหนา (ใส่เสื้อหนาๆ ให้คล้ายๆ กัน) แล้วทำไมไม่ออกหากินตอนหน้าหนาวมันเพราะ feeling เช่นนี้นี้เองสินะ!!

นอกจากอากาศหนาวจะมีผลต่อความสามารถในการทำงานของสมองแล้ว ยังส่งผลไปถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวของนิ้วมืออีกด้วย...แบบว่าข้อนิ้วแข็งแป๊ก ขนาดจะพิมพ์อะไรสักทีนึงจะเลื่อนนิ้วไม่ค่อยจะไปเลย ต้องยกไปทั้งมือกันเลยทีเดียว แล้วแบบนี้การจะเขียนหนังสือคงไม่ต้องบอกว่า "ลำบาก" กับชีวิตมากที่สุด ค่อยๆ เขียนไปทีละตัว สองตัว....จะทวนหนังสือเสียทีก็ลำบากกับการจดเสียเหลือเกินT^T

ว่าแล้วก็ขอออกไปเผชิญลมหนาวด้านนอกก่อนน่ะ วัดดวงว่าจะใช้เงินดอลลาห์ในการจ่ายซื้อของได้หรือเปล่า เหอๆ (เงินหมดแล้ว...บัตรเอทีเอ็มได้วันจันทร์ ลุ้นจริงๆ เลย)

Thursday, December 8, 2011

เริ่มจะหนาวแล้วสิเนี่ยเวียดนาม =:=

ไม่รู้ว่าเหตุผลอันใด ทำไมอากาศหนาวแล้วจึงต้องตามมาด้วยฝนตก...มันยิ่งทำให้หนาวกว่าเดิมไม่ใช่เหรอเนี่ย แล้วเสื้อผ้าที่ตกไว้...จากปกติก็แห้งช้าอยู่แล้ว หนนี้ก็ไม่ต้องแห้งกันพอดีสิคะเนี่ย

จากหนก่อนที่ติดค้างรูป "เคบับ" (เพิ่งนึกได้ว่าเขาเรียกอย่างนั้นน่ะนะ) หนนี้ก็เลยเอารูปมาลงให้...ตั้งหนึ่งรูปแน่ะ ฮ่าๆๆ แถมเป็นรูปตอนที่ยังกินไม่ได้อีกต่างหาก (เขาเอาไปทับให้มันร้อนน่ะนะ)

และอีกหนึ่งสาเหตุที่หายไปพักใหญ่ๆ เพราะได้ห้องพักในระยะย๊าวยาวแล้ว แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ...ยังไงที่ประเทศไทยก็สบายกว่าน่ะแหละจ๊ะ
หอพักสำหรับนักเรียนและนักศึกษาต่างชาติ ลานที่เห็นนั่นไว้สำหรับเล่นวอลเลย์บอลกับแบตมินตันจ๊ะ..มีแต่คนลาวเล่นน่ะนะ

และขอปิดท้ายด้วยโฉมหน้าเพื่อนๆ คนลาวที่เรียนด้วยกันในคลาสภาษาฝรั่งเศสจ้า
เรียงจากด้านนอกสุดเสื้อสีดำที่ชูสองนิ้วชื่อ "อี๊ด" สำเนียงการพูดออกไปทางเขมร เนื่องด้วยเป็นลาวฝั่งใต้ที่ติดเขมรจ๊ะ

ถัดมาหนุ่มหน้าขาว ละม้ายคล้ายคนเวียดนาม มีนามว่า "ลอย" ได้ข่าวว่าเก่งโปรแกรมมิ่งมากๆ

และสุดท้ายผู้ชายสวมแว่นนั้น เขาคือ "ขาว" และชื่อจริงของชายคนนี้ทำให้เข้าใจว่าคนลาวออกเสียง ร.เรือ ไม่ได้ (อุ่นเรือน ออกเป็น อุ่นเฮือน) แปลกดี เหอๆ =,=


สำหรับหนนี้ก็ขอลาไปเท่านี้ ช่วงนี้รู้สึกเหมือนบรรดา Prof จะเร่งรัดสอนบทเรียนกันจริงๆ ไหนจะท่องบทสนทนาแสนจะยาวเหยียด ทำการบ้าน และทวนเนื้อหาก่อนๆ อีกมากมาย จึงขอจบการบันทึกไว้ (สำหรับวันนี้) เท่านี้ก่อนเน้อ ^^